26.12.13

วิธีรับมือกับ 10 นิสัยยอดแย่! ของเพื่อนร่วมงาน



เพื่อนร่วมงานของคุณ เป็นแบบไหน?
เพื่อนร่วมงานดีๆ ก็มี ยอดแย่ก็มีไม่น้อย เช่น ชอบนินทา ปั่นหัวให้คนโกรธกัน เลี่ยงงาน ฯลฯ อย่างนี้ต้องมีวิธีปราบ
บางครั้งเราก็มีผู้ร่วมงานที่ยอดเยี่ยม คือเป็นนักทำงานอย่างแท้จริง ทำงานในหน้าที่ได้รวดเร็วและสำเร็จลุล่วงด้วยดี ไม่เกี่ยงงานหรือหมกเม็ด ไม่ขี้ฟ้อง แถมยังมีนิสัยดีน่าคบหาอีกด้วย แต่บางครั้งถึงคราวชะตาตกต่ำก็จะเจอผู้ร่วมงานที่เข้ากันได้ยาก เพราะเขาหรือเธอมีความเห็นแก่ตัว เจ้าเล่ห์ ไม่มีความสามารถ ดีแต่คอยยกยอปอปั้นเจ้านายเพื่อจะได้ไต่ตำแหน่งงาน คอยเอาหน้าเอาผลงานมากกว่าการทำงานอย่างจริงจัง อย่างว่าล่ะนะ เราไม่อาจที่จะหาผู้ร่วมงานด้วยตัวเองได้ แต่เราก็มี...........
วิธีรับมือกับคนทำงานที่มีนิสัย (เสีย) 10 ประเภท ดังนี้ค่ะ
1.หลีกเลี่ยงหน้าที่ คนแบบนี้มักค่อยๆ แบ่งงานของตัวเองไปให้เพื่อนร่วมงาน แล้วก็มีคำพูดที่ท่องจำจนขึ้นใจว่า “ฉันกำลังมีงานยุ่งมาก”
ข้อแนะนำ บอกหัวหน้างานคุณเป็นนัยว่า เขาหรือเธอคนนั้นไม่ค่อยมีอะไรทำเป็ินช้ินเป็นอัน ควรให้งานโปรเจ็กต์เขาไปลองทำดูบ้างดีมั้ย

2.ประจบเจ้านาย คนประเภทนี้จะยกยอปอปั้นเจ้านาย อะไรๆ เจ้านายก็ถูกต้องหมด
ข้อแนะนำ แสดงความสามารถของคุณให้เจ้านายเห็นเท่าที่ทำได้

3.ชอบซุบซิบนินทา ไม่ว่าจะไปทานอาหารหรือพบเจอกัน คนประเภทนี้จะต้องซุบซิบนินทาเรื่องคนอื่นเป็นของหวานยามปากว่าง
ข้อแนะนำ คุยกับคนประเภทนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณให้เขาฟัง และอย่าสนใจคนประเภทนี้ หากไม่มีใครฟัง เดี๋ยวก็เงียบไปเองแหละ

4.ช่างยุแหย่ เพื่อนร่วมงานประเภทนี้ชอบพูดเรื่องคนนั้นคนนี้และเล่าไปมาให้คนทะเลาะกันเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์
ข้อแนะนำ ต้องร่วมมือกันหลายๆ คนในออฟฟิศด้วยการไม่สนใจเขาเลย ต้องดัดนิสัยเสียบ้าง

5.จอมยุ่งเหยิง บนโต๊ะทำงานของเขามีเอกสาร ข้าวของกองยุ่งเหยิงไปหมด แม้แต่ถุงเท้าเขายังใส่สองข้างต่างสีกันเลย
ข้อแนะนำ ตราบใดที่เขายุ่งเหยิงกับตัวเขาเองโดยไม่ได้ทำให้คุณเสียหาย ก็ปล่อยเขาซะ หรือหากคุณอยากทำตัวเป็นแม่สักครั้งด้วยการเก็บของบนโต๊ะให้เขาอาทิตย์ละครั้งเพราะทนไม่ไหวก็แล้วแต่ความใจดีของคุณก็ละกัน

6.ไร้เดียงสาหรือไม่อยากช่วย เพื่อนร่วมงานคนนี้มักบอกว่าทำไม่ได้ นอกจากยิ้มแล้วก็ถามว่า ทำยังไงน่ะ ปล่อยให้คุณอธิบายหลายรอบ แล้วก็กลับมาถามอีก เฮ้อ ปัญญาน่ิมหรือเปล่าก็ไม่รู้
ข้อแนะนำ ให้คุณบอกว่า คุณอธิบายมาหลายรอบแล้ว หากจำไม่ได้ก็ควรจดโน้ตไปด้ว

7.โตแต่ตัว เพื่อนร่วมงานคนนี้ชอบส่งอีเมล์และรูปภาพประกอบที่ตลกๆ สนุกสนาน หรือซ่อนภาพแปลกๆ ไว้ในเอกสารสำคัญๆ
ข้อแนะนำ อย่าหัวเราะกับเรื่องตลกของเขาเพราะจะทำให้เขาชอบใจและทำมากขึ้น หรือคุณอาจบอกว่าเขาว่า นี่คือโลกของผู้ใหญ่นักทำงานนะคะ

8.ขี้หลี หนุ่มคนนี้ชอบเจ๊าะแจ๊ะจอแจกับเพื่อนร่วมงานสาวๆ  หรือชอบพูดจาแทะโลมเท่าที่โอกาสจะอำนวย
ข้อแนะนำ ไม่ต้องลังเล จัดการกับเขาซะ อาจว่ากล่าวตรงๆ หรือหากแต๊ะอั๋งก็ตวัดมือสักที หรือนำไปเล่าในที่ประชุมเพื่อปรามหนุ่มขี้หลี

9.โทรศัพท์ส่วนตัวทั้งวัน ผู้ร่วมงานคนนี้ทำยังกับว่าออฟฟิศคือบ้านส่วนตัวของเธอหรือเขางั้นแหละ ก็คุณเธอเล่นโทรศัพท์คุยกับเพื่อนได้ทั้งวันแทบไม่มีหยุด โทรศัพท์ก็ดังไม่หยุดหย่อน
ข้อแนะนำ ส่งงานเร่งด่วนให้เธอหรือเขาทำเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคุยโทรศัพท์

10.อีโก้สูง ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรหรือทำอะไร ก็มักจะผิดในสายตาของเพื่อนร่วมงานคนนี้ เธอหรือเขา จะพูดจาดูถูกดูหมิ่นหรือบลั๊พให้คุณหน้าแตกแบบไม่ต้องเย็บกันละ
ข้อแนะนำ อย่าแสดงอารมณ์ร่วมกับหล่อน (เขา) เพราะจะทำให้คนประเภทนี้ได้ใจ ให้คุณทำงานไปตามปกติ ทำเหมือนกับว่าคุณไม่ได้ใส่ใจกับนิสัยของเธอ (เขา) และให้คุณพูดกับเธอ (เขา) ด้วยสำเนียงร่าเริงเพื่อให้รู้ซะมั่งว่านิสัยแย่ๆ อย่างนี้ เก็บไปใช้ที่บ้านเถอะจ้ะ

ที่มา ลิซ่า

24.12.13

10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง


การฝึกภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ภาษาอังกฤษจะมีบทบาทสำคัญและสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการรู้ภาษาย่อมทำให้ได้เปรียบนั่นเองสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษ วันนี้เราก็มีข้อมูลมาแนะนำให้ลองทำด้วย 10 วิธีการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตนเองกันดู

1. ตามอ่านอะไรที่เราสนใจ
ตอนเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ เพราะโดนครูบังคับให้อ่านเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ลองเริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน กีฬา ดนตรี ข่าวซุบซิบดาราฝรั่ง หรือมุมขำๆในหนังสือพิมพ์ จำไว้เลยว่าไม่มีอะไรไร้สาระ เพราะเรากำลังเรียนรู้อยู่
2. ฟังวิทยุให้ชิน
การฟังวิทยุนั้นจะช่วยให้เราได้ฟังทั้งเสียงคนพูด รวมถึงเสียงร้องเพลง เป็นการฝึกหูในชินกับภาษาในหลายๆรูปแบบอีกวิธีหนึ่งด้วย
3. ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นภาษาไทย
การฝึกภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องอ่านหรือฟังแล้วแปลเป็นภาษาไทย อาจจะสงสัยว่าไม่แปลเป็นไทยแล้วจะเข้ะาใจยังไง การไม่พยายามแปลเป็นไทยจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
4. แปะกระดาษโน้ตบนสิ่งของต่างๆ
วิธีนี้จะเหมือนการเอาข้าศึกมาล้อมเมือง การแปะชื่อสิ่งของต่างๆที่เราใช้เป็นภาษาอังกฤษ ช่วยทำให้ชีวิตได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้มากขึ้น และเป็นการฝึกอ่านฝึกความเข้าใจไปในตัวด้วย
5. ดูทีวีและภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
การดูภาพ ฟังเสียง และอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยไปพร้อมๆกัน ช่วยฝึกประสาทการรับรู้ในหลายๆช่องทาง ซึ่งต่อไปก็สามารถเปลี่ยนจากซับไทย เป็นซับอังกฤษ ไปจนถึงขั้นปิดซับได้ในท้ายที่สุด
6. เล่นเกมที่ใช้คำภาษาอังกฤษบ่อยๆ
สมัยนี้มีเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน เราจึงสามารถหาแอพพลิเคชั่นเกมภาษาอังกฤษ เช่น Crosswords มาเล่นแก้เบื่อในยามว่างได้ ทีนี้ก็ลองเปลี่ยนจากแชทไลน์มาเป็นเล่นเกมแนวนี้แทน จะช่วยพัฒนาได้อีกทาง
7. ใช้คำต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีนี้หลายคนอาจจะมองดูว่ากระแดะหรือเปล่า? จริงๆแล้วเป็นเพียงการใช้คำให้ถูกกับภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยพยายามพูดอังกฤษบ่อยๆในศัพท์ที่ใช้ได้ เช่นเปลี่ยนคำว่ามือถือ เป็น Smart Phone เปลี่ยนคำว่า นาฬิกาปลุก เป็น Alarm เป็นต้น
8. ทำลิสต์ต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนนี้อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ถ้าเราลองลิสต์ต่างๆให้เป็นอังกฤษจะช่วยเราให้คุ้นเคยได้มากขึ้น อย่างเช่น ลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำพรุ่งนี้ ลิสต์ตารางไปเที่ยวพักผ่อน หรือลิสต์ของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
9. ลงทุนซื้อ Dictionary ดีๆสักเล่ม
นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพัฒนาภาษาไปได้ดีกว่า (สำหรับคนทุนน้อยจริงๆ ข้อนี้อาจจะข้ามไปได้บ้าง)
10. เราชอบอะไร ทำสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ความชอบ ความรัก มันทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้อย่างมีความสุขและไม่น่าเบื่อ ถ้าชอบทำอาหาร ก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าชอบเล่นกีฬาหรือดนตรี ก็ดาวน์โหลดวิดีโอการฝึกซ้อมแบบภาษาอังกฤษมาดู ถ้าชอบเล่นเกมก็ฝึกอ่านคู่มือเกมภาษาอังกฤษ เราก็จะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ

ที่มา: settlementatwork

18.12.13

วิธีจับผิด ผู้ชายเจ้าชู้


        วันนี้มี 4 วิธีจับผิดผู้ชายขี้จุ๊ทั้งหลายมาให้เพื่อนๆได้ลองไปใช้กันดู

 1. ถ้าคุณรู้สึกว่าเค้าโกหก ให้ลองทำเฉยๆ ทำเหมือนคุณเชื่อที่เค้าพูด แล้วปล่อยเวลาให้ ผ่านไปซัก 2-3 วัน แล้วลองแยบถามตอนเผลอๆดู คนโกหก มักลืมสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ค่ะ รับรองได้ว่าถ้าคำตอบเหมือนเดิมแสดงว่าเค้าพูดความจริง แต่ถ้าใช้เวลาคิดนานก่อนตอบ ก็ไม่แน่นะ แสดงว่าเค้าอาจจะท่องจำมาอย่างดีกันผลาด

2. อย่าใช้วิธี เช็คกระเป๋าตังค์ เช็คโทรศัทพ์มือถือ เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว แถมยังเป็นอาการของผู้หญิงนิสัยแย่อีกต่างหาก ลองเปลี่ยนมาเป็นแกล้งโทรไปถามไถ่ทุกข์สุขเพื่อนของเค้าดูดีกว่า หรือลองแวะซื้อขนมไปฝากที่ออฟฟิตแล้วค่อยเนียนๆ ไปนั่งคุยกับเพื่อนสนิท หรือเลขา แหม...คนโกหก มันต้องมีอาการผิดปกติบ่งบอกแน่นอน แถมยังเป็นวิธีที่ไม่ผิดต่อแฟนที่ดีอีกด้วย

3. ถ้าคุณมั่นใจว่าเค้าโกหกจริง ลองใช้วิธีเอาคืนดู แต่แค่พอให้รู้สำนึก อย่าถึงขั้นแตกหัก ลองแกล้งโกหก แล้วให้เค้าจับได้ ลองแอบไปเที่ยวแต่ให้เค้ารู้ ถ้าเค้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แสดงว่าเค้ายังแคร์คุณอยู่ และนั่นเป็นสัญญาณดี ที่คุณสองคนจะปรับความเข้าใจ และระบายความรู้สึกต่อกัน

4. แต่ถ้าผลลัพท์ตรงกันข้าม เค้ากับไม่สนใจใยดีคุณ และคุณทำตามทุกข้อที่บอกมา และค้นพบความจริงว่าเค้าตอแหลสุดๆ ขอแนะนำให้ หาผู้ชายคนใหม่ ผู้ชายดียังมีอีกเยอะ ถึงแม้จะหายากก็ตาม แต่ผู้ชายเลวไม่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเรา

ที่มาจาก : http://webboard.ladytips.com

12.12.13

กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด



วันนี้มากินอาหารตามกรุ๊ปเลือด เพื่อสุขภาพที่ดีของสาวแถมยังทำให้หุ่นดีชะลอความแก่ได้ด้วยนะ ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้ารีบไปดูการกินอาหารตามกรุ๊ปกันเลย

กินอาหารตามกรุ๊ป O Meat Eaters

อาหารที่ควรกิน : น้ำย่อยมีความเป็นกรดสูง ย่อยโปรตีนได้ง่าย จึงสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นเนื้อหมูเพราะมีไขมันสูง ควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดไม่แข็งตัว และธัยรอยด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดโอ ส่วนผักและผลไม้ควรเลือกกินบร็อกโคลี่ คะน้า สับปะรด

อาหารที่ควรเลี่ยง : อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี เพราะจะมีปฏิกิริยาต่อระบบย่อยและระบบเลือด ทำให้น้ำหนักเพิ่มและเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม ส่วนผักก็ไม่ควรกินจำพวกกะหล่ำ เห็ดหอม มะเขือยาว มันฝรั่ง และข้าวโพด ส่วนเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟและเบียร์ ก็ไม่ควรกินเพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารที่มีมากอยู่แล้ว

กินอาหารตามกรุ๊ป  B กินง่ายๆ แค่ให้บาลานซ์

อาหารที่ควรกิน : เน้นอาหาร 5 หมู่แบบสมดุล ผลไม้ที่ดีมากๆ คือกล้วย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และควรรับประทานผักให้มากๆเพื่อป้องกันโรคที่มาจากเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย

อาหารที่ควรเลี่ยง : เนื้อหมูและเนื้อไก่ ที่อาจจะนำไปสู่อาการทางสมองและโรคข้อเสื่อม ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะถั่วลิสงและงาก็อาจจะรบกวนระบบอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงเฉียบพลัน

กินอาหารตามกรุ๊ป A เจ้าแม่มังสวิรัติ

อาหารที่ควรกิน : ข้าว แป้ง ผักและผลไม้ อาจเน้นพวกผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วลิสง เพราะช่วยต่อต้านมะเร็ง ผักและผลไม้ที่ดีได้แก่ หัวหอมใหญ่ บร็อกโคลี่แครอต ฟักทอง กระเทียม สับปะรด
ส้มโอ และมะนาว

อาหารที่ควรเลี่ยง : เนื้อสัตว์ทุกชนิดจะทำให้ย่อยยากและเกิดการสะสมของไขมัน อาจทำให้เป็นโรคหัวใจและมะเร็ง ถ้างดไม่ได้ควรเลือกเนื้อไก่และปลาแทน การดื่มนมมากๆ จะทำให้ท้องอืด แน่น เรอเหม็นเปรี้ยว ผักและผลไม้ที่ย่อยยากก็จะมีมะเขือเทศ ส้ม แตงโม และแคนตาลูป ส่วนเครื่องดื่มก็ให้งดน้ำอัดลมและเบียร์


กินอาหารตามกรุ๊ป  AB ลูกผสมของ A กับ B

อาหารที่ควรกิน : อาหารทะเล ถั่วเหลือง เต้าหู้ แต่ควรจำกัดปริมาณในการกิน เพราะร่างกายผลิตน้ำย่อยไม่เพียงพอในการย่อยโปรตีนที่มากเกินไป ชาเขียว ผักสดๆ และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้มโอ เชอร์รี่ สับปะรด มีประโยชน์มาก ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดนี้

อาหารที่ควรเลี่ยง : อาหารที่มีไขมันมากและเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ

สาวๆรู้แบบนี้แล้วก็เลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนดูนะค่ะ เพื่อนๆจะได้มีหุ่นดี ผอมเพรียว แถมหน้าเด็กกันทุกๆคนน้าาา

ที่มา -- lisaguru.com