17.11.18

เคล็ดลับการกำจัด 100 กิโลแคลอรีใน 1วัน

Image result for exercise

              พักนี้มีแต่คนทักว่าอีเจ้อ้วนขึ้นหรือเปล่า เลยต้องสรรหาวิธีการลดน้ำหนักเผื่อจะทำตามเค้าได้บ้าง แต่ไปอ่านเจอมาอยู่เว็ปๆนึงเลยเอาบทความดีๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบง่ายมาฝากกัน 
               ร่างกายของคนเรานั้นต้องการพลังงานเพื่อใช้ในการทำงานของอวัยวะ และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรากินเยอะเกินไป คือได้รับพลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายเราต้องการ น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มขึ้น โดยพลังงานที่เกินไป 7,700 กิโลแคลอรี จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม 
เพราะฉะนั้น ถ้าเราลดพลังงานได้วันละ 500 กิโลแคลอรี ก็จะสามารถลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม แต่ถ้าไม่เร่งรีบก็อาจลดเอาแค่วันละ 100 กิโลแคลอรีก็ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้น้ำหนักลดลงแบบสบาย ๆ  ใช้เวลา 5 สัปดาห์ ต่อการลดครึ่งกิโลกรัม ในช่วงแรกอาจจะดูเหมือนมันน้อยนิด แต่ถ้าเราทำได้ทั้งปีก็จะช่วยให้น้ำหนักตัวเราลดลงได้ประมาณ 4.5 กิโลกรัม ซึ่งดีต่อสุขภาพในระยะยาว ลดการเกิดโรคบางโรคได้ด้วย

               แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อยากลดอาหาร ก็ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากปกติวันละ 100 กิโลแคลอรี เพียงแค่คุมปริมาณอาหารให้คงที่  เพราะทำกิจกรรมง่าย ๆ ขยับนิด ขยับหน่อยต่อไปนี้ คุณก็กำจัด 100 กิโลแคลอรีได้สบายๆ


และถ้ามองหาตัวช่วยล่ะก็ ลองมองหาผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากถั่วขาวและใยอาหารดู เพราะสารสกัดจากถั่วขาวจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากแป้งน้อยลง ส่วนใยอาหารจะช่วยให้อิ่มเร็ว และไม่กินอาหารในปริมาณมากเกิน ยังไงเพื่อนๆก็ลองทำกันดูน๊าาาา


26.10.18

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ ที่ควรรู้เอาไว้

            วันนี้เป็นคนดีมีสาระมาฝากเพื่อนๆอีกแล้วคร้าาาาาา ทุกวันนี้โรคภัยกลายเป็นสิ่งใกล้ตัวที่คอยถามหาเราอยู่เสมอ ทั้งๆที่เราไม่เคยถามหามันเลยให้ตายสิ เราจึงต้องดูแลสุขภาพกันให้ดีเป็นพิเศษ ซึ่งบางคนอาจจะสรรหาอาหารเสริมหรืออาหารบำรุงต่างๆเพื่อมาบำรุงให้มีสุขภาพที่ดีทั้งๆที่จริงแล้ว การมีสุขภาพดีอาจเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิด ดังน้้นเลยเอาเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพที่ดีมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งมี 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพที่เพื่อนๆควรรู้เอาไว้กันบ้าง (^__^)

1. กล้วย ช่วยลดอาการท้องอืด


            เรามาดูกันว่ากล้วยช่วยลดอาการท้องอืดได้อย่างไร แต่เรามารู้จักกับอาการท้องอืดกันก่อน ท้องอืดเป็นอาการที่เกิดแก๊สจำนวนมากในกระเพาะอาหาร ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากการรับประทานโซเดียมมากเกิน และเจ้ากล้วยนี่ล่ะที่จะช่วยทำให้อาการท้องอืดบรรเทาลงได้ เพราะกล้วยมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะไปจัดการกับผลกระทบที่เกิดจากโซเดียมส่วนเกินทำให้อาหารท้องอืดเบาบางลง แต่ถ้าคุณไม่อยากท้องอืดละก็ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมมากเกินไปตั้งแต่แรกจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดไงล่ะ

2. น้ำ



          เพื่อนๆเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าทำไมเวลาที่เราชั่งน้ำหนักในตอนเช้า และตอนเย็นถึงต่างกัน ทั้งๆที่ก็ไม่ได้กินอะไรเยอะมากมาย แต่นั่นก็เป็นเพราะน้ำหนักของน้ำในร่างกายที่มาจากอาหารที่มีรสเค็มหรือภาวะมีประจำเดือนของคุณที่ทำให้น้ำหนักเหล่านี้ขึ้นหรือลงตลอดเวลา (น้ำในร่างกายจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณจะขึ้นลงอย่างน้อยวันละ 1 - 2 กิโลกรัม) แต่ถ้าหากเพื่อนๆต้องการที่จะจัดการกับเจ้าน้ำหนักของน้ำที่มีในร่างกายละก็ ควรจะไปปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาขับปัสสาวะก็ได้ค่ะ

3. การนั่งอยู่กับที่มากกว่าวันละ 11 ชั่วโมงทำให้อายุสั้นลง


          เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าการนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะตลอดเวลาโดยไม่ลุกไปไหนทั้งวันอาจจะทำให้เพื่อนอายุสั้นลงได้โดยที่ไม่รู้ตัว นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อร่างกายของเราไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลยก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย หรือแม้แต่ระบบไหลเวียนเลือด ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆอยากจะมีอาุยที่ยืนยาว ก็ต้องหมั่นลุกจากโต๊ะทำงานบ้างนะคะ แค่เพียงลุกไปเข้าห้องน้ำก็ช่วยได้มาก หรือถ้าไม่อยากลุกก็ลองยืดเส้นยืดสายที่โต๊ะทำงานดูนะคะ ก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ

4. ชาเขียวช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้


          พวกเราส่วนมากจะรู้กันดีว่าชาเขียวมีประโยชน์มากมาย ซึ่งเจ้าชาเขียวนี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่อีกประโยชน์หนึ่งที่สำคัญก็คือ ชาเขียวยังช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้อีกด้วย โดยมีนักวิชาการไ้ด้ทำการศึกษาพบว่าคนที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำจะช่วยทำให้มีความจำดีกว่าผู้ที่ไม่เคยดื่มเลย เอาล่ะเมื่อเราได้รู้แบบนี้แล้วก็รีบหาชาเขียวมาดื่มกันนะคะ

5. น้ำตาล ทำให้อาการช่วงมีประจำเดือนเลวร้ายลง




มีหลายๆคนมักจะคิดว่า การรับประทานของหวานในช่วงมีประจำเดือนจะช่วยให้อาการต่างๆที่เกิดในช่วงมีประจำเดือนลดลง แต่ในความเป็นจริงที่แท้จริงแล้ว เจ้าน้ำตาลมันนี่ล่ะเป็นตัวร้ายที่ทำให้อาการเหล่านั้นยิ่งแย่ลง เพราะการรับประทานน้ำตาลมากเกินไปจะไปทำให้แมกนีเซียมในร่างกายลดลง ทำให้ท้องอืด ซึ่งท้องอืดเป็นอาการที่เพือนๆคงไม่อยากจะเป็นในช่วงมีประจำเดือนแน่ๆ ดังนั้นถ้าเวลาที่เรามีประจำเดือน เพื่อนๆควรเปลี่ยนจากของหวานมาทานของว่างที่ดีต่อสุขภาพอย่างเช่นผลไม้จะดีกว่าน๊า....



6. ข้าวโอ๊ตช่วยให้อารมณ์ดี

           เชื่อเหอะว่าใครๆ ก็คงอยากจะมีเช้าและวันทำงานที่สดใสใช่ไหมคะ อยากจะบอกว่าเจ้าข้าวโอ๊ตช่วยได้ค่ะ เพราะข้าวโอ๊ตนั้นจะไปช่วยเพิ่มระดับของเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมอง ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารที่ช่วยทำให้อารมณ์ดีได้ค่ะ ฉะนั้นมื้อเช้าครั้งหน้าเพื่อนๆลองหาข้าวโอ๊ตมารับประทานเป็นอาหารเช้านะคะ

7. การออกกำลังกายตั้งแต่วัยรุ่นจะช่วยให้มีความจำดีเมื่อแก่ตัวลง



           การเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายของเราจะแข็งแรงสืบไปจนถึงอนาคตแล้ว เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่ามันยังเป็นผลดีต่อสมองของเราอีกด้วย เพราะมีการศึกษาพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุ 20 ปีเป็นต้นไปจะช่วยให้มีความจำที่ดีแม้วัยจะล่วงเลยไปถึง 40 หรือ 50 ขึ้นไปแล้วก็ตาม 

           เพราะฉะนั้นสุขภาพร่างกายของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ หากเราดูแลรักษามันอย่างดีก็จะช่วยให้สุขภาพจิตใจของเราดีตามไปด้วย แต่ถ้าหากเราปล่อยปละละเลยมันก็อาจจะทำให้ทั้งกายและใจของเราแย่ลง หลังจากนั้นโรคภัยต่างๆ ก็จะถามหา และเดินขบวนเข้ามา ดังนั้นก่อนที่จะต้องเสียเงิน และเสียเวลาไปกับโรคภัยเหล่านั้น เพื่อนๆก็ควรหันกลับมารักและดูแลสุขภาพตนเองกันให้มากๆ เพื่อจะได้มีชีวิตที่ยืนยาวกันค่ะ 








23.10.18

ทำนายทายทัก...


          วันนี้เอาคำทำนายทายทักมาฝากแก้เซ็งกัน เราว่าน่าจะแม่นดีนะ โดยมีประตู 12 บาน มาให้เพื่อนๆเลือก 1 บาน โดยตั้งจิตให้นิ่งแล้วเลือกประตูที่เราอยากเปิดมา1บาน โดยจะมีคำทำนายทายทัก..ควรระวังในวันนี้ ดี-ร้าย หรือสิ่งที่เราอาจจะได้พบเจอในวันนี้.......
          #ห้ามแอบดูเฉลยก่อนนะคะ
          #คำทำนายเฉลยจะอยู่ใต้รูปนี้





            เอาหล่ะ มาดูคำทำนายกันหลังจากที่เพื่อนๆเลือกแล้วว่ามีความหมายว่าอย่างไร
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1.จะเจอเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติ หรือ ประเภท พวก. สิ่งลี้ลับ บางอย่าง ให้ไปทำบุญให้เขาค่ะ

*************************************************************

2.ระวังความลับของคุณ จะถูกเปิดโปง หรือ  อาจจะมีคนรู้ทัน แล้วเอาไปพูดต่อหรือเผยแพร่

*************************************************************

3.ลางสังหรณ์วันนี้จะแม่นมากๆ แถมยังตรงเผ๊งอีกต่างหาก #จงเชื่อในเซ๊นของตัวเองเข้าไว้

*************************************************************

4.จะเจอคนที่ไม่จริงใจ เข้ามาตีสนิท ทำทีคุยด้วยคุยได้ค่ะ แต่อย่าวางใจและไว้ใจเขาเด็ดขาด

*************************************************************

5.จะได้เจอเหตุกราณ์ที่โชคช่วยเอาไว้ในวันนี้

*************************************************************

6.สิ่งศักษ์สิทธ์ที่คุณนับถือท่านยังคงคุ้มครองคุณจากสิ่งที่เลวร้ายสิ่งไม่ดีและคนขี้อิจฉาใจสกปรก

*************************************************************

7.จะเจอสิ่งที่ดีในระดับกลางๆ บอกไม่ได้เช่นกันว่าคือสิ่งที่มาในรูปแบบไหน แต่คือสิ่งดีๆค่ะ

*************************************************************

8.จะได้รับข่าวดี หรือ ของที่มีค่ามีราคา

*************************************************************

9.ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเดินทางไกลในวันนี้เลยค่ะ

*************************************************************

10.คนใกล้ตัวที่เป็นเพศตรงข้ามรู้สึกดีๆต่อคุณนะ ส่วนเพศเดียวกันมีทั้งเอ็นดูมีทั้งเกลียดทั้งอิจฉา

*************************************************************

11.ชีวิตปกติเหมือนทุกวันไม่มีอะไรโดดเด่น

*************************************************************

12.พรที่คุณเคยขอจากสิ่งศักษ์สิทธ์ข้อใดข้อนึงจะแสดงผลเกิดขึ้นจริงในวันนี้ค่ะ

*************************************************************

เอาหล่ะ....แม่นไม่แม่นก็ลองไปทำนายเล่นๆกันดูนะคะ ^___^

21.10.18

ประโยชน์ของเบียร์

วันนี้มีเรื่องมาเม้าท์มอยด้วยเรื่องของเบียร์ มีคนเคยบอกว่ากินเบียร์แล้วอ้วน ว่าแต่มันจะจริงเรอะ? บ้างก็ว่าคนกินเบียร์เป็นพวกขี้เมา ไม่จริ้ง ไม่จริงค่ะ แค่เป็นคนกรึมๆเท่านั้นเองงงงง แต่เอาเถอะจะขี้เมายังไงก็ช่างมัน เรามาดูประโยชน์ของมันกันดีกว่าเนอะ  (^___^)

17.10.18

ประโยชน์ดีๆจากลูกหม่อน

วันนี้เอาสาระดีๆมาฝากเพื่อนๆกัน คือ ลูกหม่อน เรามาดูกันสิว่าเจ้าลูกหม่อนลูกเล็กๆเนี้ยมันมีประโยชน์ช่วยรักษาโรคอะไรกันบ้าง อันแรกคือโรคไต เบาหวาน อัลไซเมอร์
โรคไต โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ ป้องกันและแก้ปัญหาได้
ด้วยน้ำลูกหม่อน
จากผลการดื่มและข้อมูลยืนยัน พบว่า 3 โรคอันตราย สามารถป้องกันและแก้ปัญหาได้ด้วย ผลิตภัณฑ์ น้ำลูกหม่อนชนิดเข้มข้น ได้จริง
1. โรคไต รวมทั้ง ไตวาย การฟองไต ปัญหาเกี่ยวกับไต
ทุกลักษณะ น้ำลูกหม่อน ช่วยฟื้นฟูไต ได้ ตามข้อมูลดังนี้
"ผลหม่อนหรือเรียกว่าลูกหมอน กินสดทั้งผล มีสารประกอบของวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์สูงมาก สรรพคุณสมุนไพร : บำรุงไต แก้อาการอักเสบของเนื้อไต (ลูกหม่อนหาทานยากเสียหน่อย
แต่บำรุงไตดีมาก)" และ ชาวจีนให้ความสำคัญในด้านบำรุงเลือด แพทย์ชาวจีน ชื่อ เลี่ยงฮียัง ได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ของการรับประทานผลหม่อนสุกไว้ว่า “ทำให้ตับไม่มีไฟ หัวใจคลายความร้อนรุ่ม เส้นประสาทตาดี สายตาก็แจ่มใส ร่างกายก็สุขสบาย”
ผลจากการดื่ม น้ำลูกหม่อนชนิดเข้มข้น ปรากฎว่า ผู้ป่วยโรคไต สามารถลดจำนวนครั้งในการไปฟองไตลงได้จริง
2. โรคเบาหวาน การดื่ม น้ำลูกหม่อนชนิดเข้มข้น ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลให้กระแสเลือด แต่สรรพคุณในน้ำลูกหม่อนสามารถลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้จริง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงเห็นผลจากการดื่ม ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดลง
ผลหม่อน เป็นยาเย็น ใช้ บำรุงกำลัง บำรุงประสาท แก้อาการนอนไม่หลับ ใช้รักษาโรคไขข้อ บำรุงหัวใจ บำรุงผมให้ ดกดำ เป็นยาระบาย แก้ธาตุไม่ปกติ ชาใบหม่อน ที่มีสรรพคุณโดดเด่นในการลดน้ำตาลในเลือด เป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากอยู่ในขณะนี้ ซึ่ง สรรพคุณที่ ผลหม่อนก็เป็นแบบเดียวกับ ใบหม่อน ลูกหม่อนยังเป็นพืชที่มีสรรพคุณเป็นยาแก้ปัญหาโรคต่างๆได้ เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน
3. โรคอัลไซเมอร์ มีการทำการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง จนมีรายงานดังนี้
"นักวิจัยพบ ผลหม่อนแห้ง มีสารออกฤทธิ์ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จากผลงานวิจัยล่าสุดพบว่า ผลหม่อนอบแห้งมีสารออกฤทธิ์ป้องกันการตายของเซลล์ประสาทในภาวะต่างๆ เช่น โรคความจำเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์"
"ค้นพบว่าหากนำผลหม่อนสุกไปอบแห้งแล้วบดเป็นผงใส่แคปซูลมารับประทาน จะช่วยป้องกัน รักษาโรคที่ผู้สูงอายุเป็นกันมากคือ สมองเสื่อม ความจำบกพร่อง และอาการหลงลืมได้"
ลูกหม่อน (Mulberry) และ สรรพคุณ
น้ำลูกหม่อน(Mulberry) เป็นไม้ยืนต้นตระกูลเบอรรี่เช่นเดียวกับ บลูเบอรรี่ และราสเบอรี่ เมื่อดิบสีเขียว เปลี่ยนเป็นสีแดงและเป็นสี่ม่วงดำเมื่อสุก รสหวานอมเปรี้ยว มีผลงานวิจัยหลายสถาบันในประเทศไทย มหาวิทยยาลัยทางการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตและงานวิจัยหลายประเทศ ดังนี้
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ชื่อ Anthyocyanin ซึ่งเป็นสารสีม่วงแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง
2. มีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ ไต ลดการเกิดสิว ลดอาการปวดประจำเดือน
3. ป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดแตก สาเหตุของโรคอัมพฤก อัมพาต
4. มีวิตามินซี สูง ช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคปอด วัณโรค ป้องกันเชื้อไวรัส
5. มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก (ป้องกันแสงสีน้ำเงินเข้าทำลายเลนส์ตา) บำรุงเหงือกและฟัน สร้างภูมิให้ระบบหายใจ บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว
6. มีกรดโฟลิค หรือวิตามินใบไม้ หรือวิตามินเอ็ม ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันทารกพิการ ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หญิงแรกตั้งครรภ์เดือนแรกต้องการกรดโฟลิค
7. ช่วยแก้อาการเมาค้าง ผ่อนคลายความเครียด
8. ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย
เอาหล่ะเมื่อเรารู้ถึงคุณค่าของมันกันแล้วก็อย่าลืมซื้อหามากินกันบ้างนะคะ

20.9.18

9 ผักที่ไม่ควรกินดิบ

วันนี้เอาสาระประโยชน์เกี่ยวกับผักมาฝาก......
คือ 9 ผักที่ไม่ควรกินดิบ ..กินแล้วมีแต่ให้สุขภาพแย่ลง
ผักที่เรารู้จักคุ้นเคยที่จะนำมากินหรือประกอบอาหารนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิดด้วยกันและวิธีการนำมาทานก็แตกต่างกันบางชนิดนิยมทานสดๆคู่กับน้ำพริกบางชนิดนิยมมาทำแกง ผัด ยำ หรือเมนูต่างๆ ก็ตามแต่ ผักทุกชนิดนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่หากว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี แทนที่จะเป็นประโยชน์ก็อาจจะกลายเป็นโทษไปก็ได้ อย่างเช่นการกินผักดิบมีผักบางชนิดที่เราไม่ควรทานดิบเพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนี้
คิดให้ดี ผักดิบ 9 ชนิดนี้ กินมากไปอาจได้โทษ
1. กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูงกินแล้วมีประโยชน์แน่ ๆ แต่ต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เนื่องจากหากกินกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก สารออกซาเลต (Oxalate) ในกะหล่ำปลีจะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมาก ๆ ก็เสี่ยงต่อโรคนิ่วในไตได้ อีกทั้งในกะหล่ำปลีดิบยังมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้อง แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก น้ำตาลที่ว่าก็จะเปลี่ยนโมเลกุลเป็นสารที่ย่อยได้ง่าย ไร้ปัญหาท้องอืดแน่นอน
นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีดิบยังมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) สารที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายดึงไอโอดีนจากเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ จนอาจก่อให้เกิดโรคคอหอยพอกได้ แต่กอยโตรเจนจะสลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน ฉะนั้นจึงควรบริโภคกะหล่ำปลีแบบปรุงสุกจะดีกว่า
2. ดอกกะหล่ำ
พืชชนิดหัวอีกอย่างที่ต้องระวังหากจะกินดิบ ๆ เพราะดอกกะหล่ำก็มีน้ำตาลชนิดเดียวกันกับกะหล่ำปลีด้วย ดังนั้นหากไม่อยากเกิดอาการท้องอืด ก็ควรนำดอกกะหล่ำไปปรุงให้สุกก่อนรับประทานนะคะ 
3. บรอกโคลี
มาตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลีและดอกกะหล่ำเลย บรอกโคลีมีน้ำตาลที่ควรต้องถูกย่อยด้วยความร้อนก่อนจึงจะไม่ก่อให้เกิดอาการท้องอืด และในบรอกโคลีดิบยังมีฮอร์โมนบางชนิดที่เป็นตัวกระตุ้นความเสี่ยงโรคไทรอยด์ แต่เจ้าฮอร์โมนที่ว่าจะถูกย่อยสลายไปเมื่อโดนความร้อน ดังนั้นบรอกโคลีจึงจัดเป็นผักอีกชนิดที่กินดิบมาก ๆ อาจก่อให้เกิดโทษได้
4. ถั่วฝักยาว
ถั่วฝักยาวดิบจะมีปริมาณไกลโคโปรตีนและเลคตินค่อนข้างสูง ซึ่งสารเหล่านี้มีส่วนชักนำอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการท้องเสียได้ในเวลา 3 ชั่วโมงหลังรับประทานถั่วดิบ ๆ เข้าไป ซึ่งทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกายังออกมาเตือนอีกด้วยว่า ไม่ใช่เค่ถั่วฝักยาวเท่านั้นที่กินดิบ ๆ แล้วอาจให้โทษ ทว่าถั่วแดงหรือถั่วดำก็ไม่ควรกินดิบด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ไม่สบายได้นะจ๊ะ
5. ถั่วงอก
ผักกินสดฮอตฮิตอันดับต้น ๆ อย่างถั่วงอกมักจะมีสารโซเดียมซัลไฟต์ ซึ่งเป็นสารฟอกขาวที่เหล่าพ่อค้า แม่ค้ามักจะนำมาฟอกสีให้ถั่วงอกมีสีขาวน่ารับประทาน อีกทั้งยังเป็นสารที่รักษาความสดของถั่วงอกให้เก็บไว้ขายได้นาน ซึ่งหากผู้บริโภคมีอาการแพ้สารชนิดนี้ หรือกินถั่วงอกดิบในปริมาณมาก ทางศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ก็บอกว่าอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ และปวดท้องได้ แต่ถ้าหากนำถั่วงอกไปปรุงสุกก็จะช่วยทำลายสารฟอกขาวได้จนไม่ก่อให้เกิดอันตรายค่ะ
6. หน่อไม้
ศูนย์ข้อมูลด้านอาหาร กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ในหน่อไม้สดมี Cyanogenic glycoside ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ อันมีพิษต่อร่างกาย และหากร่างกายได้รับสารตัวนี้ในปริมาณมาก Cyanogenic glycoside จะเข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน ทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน ทุรนทุราย หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ปรุงสุกหน่อไม้หรือนำหน่อไม้ไปดอง (ซึ่งต้องผ่านการต้ม) ก่อนรับประทาน เพราะวิธีการปรุงสุกด้วยความร้อนจะช่วยสลาย Cyanogenic glycoside ได้
7. มันสำปะหลัง
Cyanogenic glycoside สารตัวนี้ยังตามมาหลอกหลอนในมันสำปะหลังด้วย ซึ่งทางสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้บอกว่า หากรับประทานมันสำปะหลังดิบในส่วนหัว ราก ใบ อาจมีพิษทำให้ถึงตายได้ โดยมีพิษขัดขวางการทำงานของระบบหัวใจและทางเดินโลหิต ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์สมองน้อยลง หรือเบาะ ๆ อาจเกิดอาการเวียนศีรษะ ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรืออุจจาระร่วง
8. ผักโขม
ผักใบเขียวขจีอย่างผักโขมดิบ ๆ มีกรดออกซาลิก (Oxalic) ที่มีฤทธิ์ทำให้ลำไส้ระคายเคือง แถมยังเป็นตัวขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคนิ่วในไตอีกทางหนึ่งได้ด้วย ทว่าเจ้ากรดออกซาลิกตัวนี้จะหมดฤทธิ์ทันทีเมื่อเจอความร้อน ซึ่งก็หมายความว่าเราควรปรุงผักโขมให้สุกก่อนนำมารับประทานนั่นเองนะคะ
9. เห็ด
เห็ดสดที่มีเนื้อสีขาวทั่วไปมักจะตรวจพบสารอะการิทีน (Agaritine) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง แต่จะสลายไปได้เองหากเห็ดเหล่านั้นผ่านการปรุงสุกแล้ว
อย่างไรก็ดีขอย้ำกันอีกทีว่าผักเหล่านี้ไม่ใช่ผักต้องห้ามแต่ควรจำกัดปริมาณการบริโภคผักดิบไม่ให้กินเยอะครั้งละเป็นกิโลกรัมหรือรับประทานต่อเนื่องกันทุกวันๆจนเกิดการสะสมของสารที่เป็นโทษต่างหากนะคะ
ที่มา - kapook.com

17.9.18

คน 5 แบบที่ควรลืม

วันนี้เอาบทความดีๆมาฝาก...........
คน 5 แบบที่คุณควร 'ลืม' ซะ
1.คนที่คุณให้ความสำคัญกับเขาเป็น 'อันดับแรก'
แต่เขาให้ความสำคัญกับคุณเป็น 'อันดับสุดท้าย'
2.คนที่คุณพยายาม 'อยู่' ในชีวิตเขา
แต่เขาไม่เคยพยายาม 'อยู่' ในชีวิตคุณ
3.คนที่คุณมองเขา 'พิเศษ' กว่าคนอื่นๆ
แต่เขามองคนอื่นๆ 'พิเศษ' กว่าคุณ
4.คนที่คุณ 'ภูมิใจ' มากเมื่อพูดถึงเขา
แต่เขาไม่เคย 'ภูมิใจ' เมื่อพูดถึงคุณ
5.คนที่คุณยอม 'ทำทุกอย่าง' เพื่อเขา
แต่เขาไม่เคย 'ทำอะไรสักอย่าง' เพื่อคุณ
...คน 5 แบบนี้ ไม่ใช่ 'ไม่ดี'...
เขาแค่ 'ไม่รัก'  และ 'ไม่แคร์' คุณ เพราะฉนั้น 'ลืม' ไปซะ.. !!
=================
Cr. เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล
ขอบคุณรูปจากเพจ : คิดเป็นชีวิตเปลี่ยน

14.9.18

อาการบอกโรค 32 ข้อที่ไม่ควรมองข้าม

วันนี้เอาสาระมาฝากเกี่ยวกับอาการบอกโรค 32 ข้อที่ไม่ควรมองข้าม ใครไม่อยากป่วยจนสายเกินแก้ รีบอ่านด่วน!!
วิธีสังเกตุ อาการบอกโรค 32 ข้อ ซึ่งการสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆเบื้องต้นได้ถ้ามีอาการเหล่านี้
1. อาการนอนไม่หลับ อาจเกิดจากถุงน้ำดีข้น หรือ กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อน หรือเลือดไม่ค่อยเลี้ยงหัวใจ เนื่องจากเป็นคนตื่นเต้นบ่อย
2. ผิวหยาบ มีขี้แมลงวัน มีติ่ง หูด ตาปลาสาเหตุมาจากลำใส้ใหญ่สกปรก
3. ปัสสาวะมีกลิ่นแรง กลิ่นฉุนมาก เกิดจากไตไม่ดี ต่อมลูกหมากโต มีปัสสาวะคั่งค้างให้กินแกนสัปปะรด 3 แกน ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และดื่มน้ำกระชาย
4.ปวดนิ้วก้อยบอกถึงระบบความร้อนบกพร่องร่างกายถูกความเย็นตอน 3 – 5 ทุ่ม เช่นอาบน้ำเย็น ตากแอร์ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น
5. ปวดใต้ฝ่าเท้าหมายถึงปอดไม่แข็งแรง
6. ปวดเข่า
- ปวดด้านนอก ขึ้นมาถึงสะโพก หรือโคนขา หมายถึง ถุงน้ำดีข้น ดื่มน้ำน้อยไปหรือระบบดูดซึมไม่ดี อันมาจาก การกินของผัดน้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ถูกความร้อนจะแปรสภาพเหนียวเกาะที่ลำไส้ทำให้สารอาหารและน้ำซึมผ่านไม้ได้
-ปวดด้านหน้า หมายถึง กระเพาะอาหารไม่ดีกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีความวิตกกังวลบ่อย
- ปวดด้านใน (ด้านที่เข่าชนกัน) หมายถึงปัญหาจาก ม้าม / เบาหวาน / อ้วน / ตับ / กินหวาน / ขี้โมโห / มีสารพิษ / ไต / กินรสจัด / หรือกินอาหาร ผัดน้ำมัน
- ปวดตามข้อ ปวดเข่า ให้ตื่นเช้าเอาน้ำเย็นรดตามข้อ สลายหินปูนเกาะได้กระตุ้นการขับถ่ายด้วย
7. ปวดสะบัดหลัง ปวดเอว หมายถึงถุงน้ำดีข้นต้องล้างระบบดูดซึม
8. ปวดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจเกิดจากปัญหา หัวใจ หรือไต หรือกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง
9. มีอาการตึงใต้ราวนมขวา หมายถึงน้ำเหลืองไม่ดี สาเหตุมาจากมีอุจจาระตกค้างมาก หรือถ่ายไม่หมดเป็นประจำ ให้หาทางระบายและกินขมิ้นชันตอนเช้า 9 โมง ช่วยเรื่องน้ำเหลืองให้ดี
10. ปวดหลังมาจากท่านั่งไม่ถูกต้อง หรือ ความชื้นเข้าผิวหนัง หรือเพราะความวิตกกังวล หรือ เป็นนิ่วลมในท้องเยอะดันกรวยไตให้งอ
11. ปวดด้านข้างนอกฝ่าเท้า เป็นอาการของตับไม่ดี ถุงน้ำดีข้น นอนไม่หลับ ปวดหู ไมเกรน
12. กดกลางฝ่ามือ ถ้าเจ็บ หมายถึง หัวใจโต เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
13. กดใต้นิ้วชี้ ถ้าเจ็บ หมายถึง ระบบย่อย ตับ กระเพาะไม่ดี
14. กดใต้ร่องนิ้วนาง กับก้อย ตรงเส้นหัวใจ ถ้าเจ็บ หมายถึง กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง
15. นิ้วกลางล็อค หมายถึงมีไขมันในเลือดมาก ต้องกินน้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน เกิดจาก ตื่นเต้นบ่อย กินอาหารคอเลสเตอรอลสูง กินของหวานที่มีน้ำตาลมาก
16.ปวดข้อมือใต้นิ้วโป้ง หมายถึงการมีอุจจาระค้างในลำใส้ใหญ่มาก ควรแก้ใขด้านการขับถ่าย การมีอุจจาระค้างมากอยู่เสมอยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก กลิ่นตัว และอาจจะไปรบกวนการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของเบาหวาน
17.ตากุ้งยิงแก้โดยการดูที่แผ่นหลังจะมีเม็ดคลายหัวสิวเกิดขึ้นให้สกิดอ่อนแล้วตากุ้งยิงจะหายไปเอง
18.มือสั่นเกิดจากมีน้ำมันเกาะลำไส้มากซึ่งอาจเกิดจากกินอาหารผัดน้ำมันพืช หรือตื่นเต้นบ่อย
19. เล็บ มีดอก หมายถึงเลือดจาง
20. เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกฝ่ามือ ตัวเย็น เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ดื่มน้ำกระชาย กินหัวใจหมูต้มข้าวเหนียวกับลำไยแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ
21. ขี้ร้อน เกิดจาก ไตซ้ายเสื่อม กระทบถึง สมองซีกขวา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจินตนาการ ศิลปะหรือขาด ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือถูกความเย็นตอน 3 ทุ่ม – 5 ทุ่มระบบความร้อนในร่างกายบกพร่อง
22. ขี้หนาว หมายถึง ไตขวาเสื่อม จะกระทบถึงการทำงานของสมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เก็บความจำ คำนวณ จับประเด็นสาเหตุจากถูกความเย็นตอน 3 – 5ทุ่ม
23. ถ้าหิวแล้ว มีอาการหิวจัด ทนไม่ได้ อาจกำลังจะเป็นเบาหวาน
24. เหน็บชา ตามแขน ขา เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่ดี หรือมีพยาธิ เลือดน้อย หรือไม่กินข้าวซ้อมมือ น้ำชีวภาค ดีกว่ากระชาย
25. ตะคริว สาเหตุมาจากหัวใจไม่แข็งแรง ให้งดกิน ถั่ว ข้าวเหนียว ของดอง
- ตะคริวบก ขาดโปรแตสเซียม ให้กินผลไม้สดมากๆ
- ตะคริวน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือ (เกลือแกงป่น 1 ช้อนชา ละลายน้ำอุ่นดื่ม)
26. ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ สมองเสื่อม ผมร่วงง่าย หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย ร้อนใน ปวดไหล่ กล้ามเนื้อเหลว กระดูกคอ กระดูกสะโพกเคลื่อนง่าย เข่าไม่ดี น่องเหลว น่องทู่ ปวดข้อเท้า วิตกง่าย ขี้โมโห
27. กลิ่นตัว เกิดจากลำใส่ใหญ่สกปรก มีสิ่งตกค้างมาก ซึมเข้าระบบเลือด และออกทางเหงื่อ ปาก และลมหายใจ
28. อัมพฤษ อัมพาต ส่วนใหญ่เกิดจากท้องผูกการขับถ่ายไม่ดี ประกอบกับเส้นเลือดตีบ เวลาเบ่งอุจจาระจะเพิ่มอันตรายจากการคั่งของเลือดทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตันหรือแตกหมดความรู้สึกและล้มลง (มักเข้าใจผิดว่าหกล้มก่อนแล้วเส้นเลือดแตก)ควรป้องกันด้วยการดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พุทราจีน ขยายหลอดเลือดหรือกินข้าวต้มน้ำมะละกอ 7-10 วัน อาการจะดีขึ้น (วิธีการทำข้าวต้มน้ำมะละกอ นำมะละกอดิบครึ่งลูกตัดจุกออก เอาเม็ดออกหั่นพร้อมเปลือกเหมือนฟักต้มน้ำเคี่ยวจนนิ่มเอาแต่น้ำมาต้มข้าวต้ม ถ้าใช้ข้าวกล้องยิ่งดี จะใส่ใบเตยด้วยก็ได้ กิน 3 มื้อทุกวัน)
29. อวัยวะที่สัมพันธ์กัน ริมฝีปากกับม้ามถ้าใช้ลิปสติกที่มีสารเคมี จะทำให้ม้ามไม่แข็งแรง ผลิตไขมันมาก ทำให้อ้วน
30. หูกับไต หูไม่ดี ไม่คอยได้ยิน เป็นการแสดงถึงไตไม่แข็งแรง
31. ลิ้นกับหัวใจ อาการของลิ้น บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของหัวใจ
32. สายตา กับตับ รวมถึงเส้นผม และเส้นเอ็น ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน
Cr...หมอชัย