27.2.10

10 Tips for each day !!! *\(^.^)/


Ten Great Tips For Each Day
สิบแง่คิดดีๆสำหรับชีวิตประจำวัน (โดยเฉพาะข้อ9นี่ชอบมาก)


1. Stay out of trouble 
จงหลีกห่างจากความยุ่งยาก เพราะถ้าตกลงไปแร้วมันขึ้นมาได้ยาก



2. Aim for greater heights. 
มองเป้าหมายให้สูงๆหน่อย เผื่อเหนียวเอาไว้ พลาดไปเดี๋ยวเดือดร้อน



3. Stay focused on your job. 
ทำความชัดเจนในเป้าหมายของงานที่ทำ ผิดเป้าหมายแล้วจะเหนื่อย



4. Exercise to maintain good health. 
ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพ เพราะไม่มีใครช่วยเราได้


5. Practice team work.
ต้องเล่นกันเป็นทีมเวิคร์ เพื่อเสริมพลัง



6. Rely on your trusted partner to watch your back. Take your time trusting others.
ให้เพื่อนร่วมงานที่ดีคอยช่วยสังเกตุงานเราและเราก็แบ่งเวลาไปช่วยเพื่อนด้วย



7. Save for rainy days.
ใช้ทรัพยากรเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วยในยามฉุกเฉิน



8. Rest and relax.
 มีเวลาหยุดพักผ่อนและบันเทิงบ้าง ให้รางวัลกับตัวเอง



9. Always take time to smile.
ยิ้มเสมอในทุกสถานะการณ์ เดี๋ยวดีเอง



10. Realize that nothing is impossible.
รู้ไว้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

***********************************


This should make you smile:
และนี่จะทำให้คุณยิ้มออก...



THE SENILITY PRAYER : Grant me the senility to forget the people I never liked anyway, the good fortune to run into the ones I do, and the eyesight to t! ell the difference.

คำอธิษฐานของผู้อาวุโส : ให้ฉันชราลงเถอะ ฉันจะได้จำคนที่ฉันไม่ชอบไม่ได้ เป็นโชคดีของฉันแล้วที่ผ่านวัยมาจนวันนี้และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต




Always Remember:
จำไว้เสมอว่า:




You don't stop laughing because you grow old, you grow old because you stop laughing!!! 
คุณไม่หยุดหัวเราะเพราะคุณแก่ขึ้น แต่คุณแก่ลงเพราะคุณหยุดหัวเราะ




26.2.10

About Love...


ความรักก็เปรียบเหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ จะมีสักกี่ชิ้นก็ตาม แต่จุดที่จะสามารถต่อลงได้ จะมีเพียงแค่ชิ้นเดียว
บางอันมันดูเหมือนกับว่ามันน่าจะเข้ากันได้ดี แต่พอต่อกันจริงๆ ก็อาจจะเข้ากันไม่ได้ บางชิ้นเราดูผ่านไปเป็นสิบๆรอบ ดูชิ้นนู้น ชิ้นนี้มากมาย แต่กลับมาเจอชิ้นที่ใช่ข้างๆตัว

แต่บางครั้ง ชีวิตของคนๆหนึ่ง อาจจะเหมือนกับที่เราตามหาชิ้นส่วนที่เข้ากันได้ของกันและกัน บางครั้งเราโขคดีก็อาจจะหาเจอได้ภายในระยะเวลาไม่นาน แต่หลายๆครั้งเราก็ต้องโชคร้ายที่จะต้องเดินทางหาใครคนนั้นนานสักหน่อย

แต่คนบางคนก็พยายามที่จะฝืนต่อชิ้นส่วนเข้ากับคนที่ไม่ใช่ นั้นก็ทำให้เราเจ็บปวดได้เจียนตาย 

แต่บางคนก็เจอชิ่นส่วนที่ใช่แล้ว แต่ก็ยังคิดว่ามีชิ้นอื่นที่ใช่มากกว่าก็มี

เพราะฉะนั้นการค้นหาความรักของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน และคนที่ใช่สำหรับแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปอีกด้วย

...............................................

25.2.10

ทฤษฏีลูกเป็ดตัวสุดท้าย....(ชอบมาก)


แต่ลูกเป็ดตัวสุดท้ายทุกตัว สุดยอดเลย... 

มีคนเคยบอกว่า “อย่าคิดว่าลูกเป็ดตัวสุดท้ายในเล้า เป็นลูกเป็ดที่ขี้เหร่ที่สุด”

ฟาร์มเป็ดบอกขายลูกเป็ดเพิ่งเกิดใหม่ ผู้คนต่างเดินทางมาจากทุกสารทิศเพื่อเลือกซื้อเป็ดที่ดีที่สุดไปเป็นแม่พันธุ์ เป็ดแต่ละตัวได้ถูกตั้งราคาไปตามเกณฑ์มาตรฐาน

วันที่หนึ่งผ่านไป มีลูกเป็ดหลายตัวถูกซื้อไป จำนวนลูกเป็ดในเล้าที่บอกขายลดน้อยลง ยิ่งหลายวันเข้า จำนวนลูกเป็ดก็น้อยลงไปเต็มที

ลูกเป็ดตัวท้าย ๆ เริ่มมีอาการหงอยเหงา เศร้าใจอย่างยิ่งที่เห็นเพื่อน ๆ ที่เกิดมาพร้อม ๆ กัน ต้องถูกเลือกไปทีละตัว ๆ ในที่สุดก็เหลือลูกเป็ดตัวสุดท้าย...

ลูกเป็ดตัวสุดท้ายนั่งร้องไห้อย่างโดดเดี่ยว ลูกเป็ดก้มลงมองเงาของตัวเองในชามใสน้ำที่มุมหนึ่งของเล้าเป็ด แล้วโทษตัวเอง
“ฉันขี้เหร่ที่สุดใช่ไหม? ทำไมพวกเขาถึงไม่เลือกฉัน?” ลูกเป็ดนั่งจมอยู่กับความทุกข์ ที่ไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือกเสียที

ทุก ๆ วันจะมีผู้คนมาวนเวียนก้มลงดูลูกเป็ดตัวสุดท้ายในเล้า แล้วก็ซุบซิบกับเจ้าของฟาร์มพักใหญ่
สุดท้าย ...... ผู้คนเหล่านั้นก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้นำลูกเป็ดตัวสุดท้ายไป

ลูกเป็ดยิ่งเสียใจ โทษความขี้เหร่ของตัวเอง ตอกย้ำให้ยิ่งเศร้าไปกันใหญ่...

วันหนึ่งหนูนาที่เห็นลูกเป็ดตัวสุดท้ายร้องไห้จนตาแดงก่ำ ทนไม่ได้ที่เห็นลูกเป็ดตัวสุดท้ายนั่งโทษว่าความ ขี้เหร่ของตัวเองทำให้ไม่มีใครเลือก

หนูนาบอกกับลูกเป็ดตัวสุดท้ายว่า “ที่ไม่มีใครเลือกเธอไปเลี้ยง ไม่ใช่ว่าเธอขี้เหร่หรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเจ้าของฟาร์มตั้งราคาเธอไว้สูงกว่าลูกเป็ดตัวอื่น ๆ เท่านั้นเอง
พวกคนที่มาเลือกซื้อลูกเป็ดต่างก็มีเงินไม่พอที่จะซื้อเธอไป พวกเขาต่างสนใจในตัวเธอ และอยากได้เธอ เพียงแต่ว่าค่าของเธอมากเกินกว่าที่พวกเค้าจะมีจ่าย เพื่อให้ได้เธอไปเท่านั้นเอง”

การที่ลูกเป็ดตัวสุดท้ายยังไม่ได้ถูกเลือก ไม่ได้หมายความว่า คุณค่าของลูกเป็ดน้อยลงเลย
มองกลับกันมันอาจจะมีค่ามากที่สุดในกลุ่มลูกเป็ดทั้งหลายก็ได้ ลูกเป็ดตัวนี้จึงเพียงต้องรอคอยคนที่มีเงินพอจะจ่าย “ค่า” ของลูกเป็ดได้

ในขณะเดียวกัน ลูกเป็ดไม่ได้เป็นผู้รอคอย แต่คุณค่าของลูกเป็ดตัวสุดท้ายเป็นข้อกำหนดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติคู่ควร จึงจะมีสิทธิ์ได้ลูกเป็ดไปครอบครอง

เช่นเดียวกันกับ “คุณ” การที่คุณยังไม่ได้ถูกเลือก นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณต้องรอ และเป็นฝ่ายถูกเลือกเพียงฝ่ายเดียว
คุณค่าของคุณ เป็นตัวกำหนดผู้ที่คู่ควรกับคุณไว้อยู่แล้ว ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณมากมาย ย่อมต้องมีหลายคนที่สนใจในตัวคุณ แต่ใช่ว่าเขาเหล่านั้นคู่ควรที่จะได้คุณไปครอง


เมื่อวันหนึ่ง...คนที่คู่ควรและมีค่าพอสำหรับคุณเดินเข้ามาในชีวิตคุณ...
คนที่ใช่..เขาจะไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ครอบครองคุณหลุดมือไปอย่างแน่นอน .. อย่าประเมินค่าของลูกเป็ดตัวสุดท้ายผิดไป !!!!

ที่มา - ~ Ong ~ 080-2006556 
http://barby24.multiply.com



22.2.10

Boulevard-Dan Byrd





I don’t know why... you said goodbye
Just let me know you didn’t go...forever my love
Please tell me why...you make me cry
I beg you please on my knees...if that's what you want me to

..Never knew that it would go so far
When you left me on that boulevard
Come again you would release my pain
And we could...be lovers again

Just one more chance..another dance
And let me feel it isn’t real...that I’ve been losing you
This sun will rise...within your eyes
Come back to me and we will be...happy together

Never knew that it would go so far
When you left me on that boulevard
Come again you would release my pain
And we could..be lovers...again

Maybe today...I’ll make you stay
A little while just for a smile and love together
For I will show...a place I know
In Tokyo where we could be happy forever

Never knew that it would go so far
When you left me on that boulevard
Come again you would release my pain
And we could..be lovers...again....

13.2.10

ดอกบัว 4 เหล่า



ความหมายของบัวสี่เหล่าตามนัยอรรถกถา 
1.อุคคฏิตัญญู พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที 
2.วิปจิตัญญู พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป 
3.เนยยะ พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง 
4.ปทปรมะ พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน 

หริอหมายถึง บุคคล 4 ประเภท หรือ 4 กลุ่ม ดังนี้ 

1.บัวก้นบึง-คือ บุคคลที่เปรียบเสมือนบัวก้นบึง ยังคงเป็นเหง้า เป็นหัว จมอยู่ในโคลนตม รอคอยเวลาที่จะแตกเหง้า แตกหัว แตกหน่อเป็นต้นบัวอีกนานมาก และมีโอกาสที่จะเป็นอาหารแก่เต่าปลา ยากที่จะเติบโตเป็นต้นบัวต่อไปได้.... 
บัวก้นบึง-เปรียบเหมือนบุคคล ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด ไม่ถูกต้อง ขัดกับความเป็นจริงอย่างมาก คือ ไม่เชื่อว่าบาป-บุญมีจริง นรก-สวรรค์มีจริง เทพ-พรหม-ผี-ปีศาจ-สัตว์นรก-เปรต-อสุรกายมีจริง ไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริงแต่กลับไปเชื่อว่าตายแล้วสูญ บาปกรรมไม่มี มีชีวิตก็แสวงหาแต่ความสุขจอมปลอมไปวันๆ สามารถทำความชั่วได้ง่ายๆ บุคคลเหล่านี้ยากแก่การกลับใจเป็นคนดี ยากแก่การสั่งสอนอบรมบ่มนิสัย จนมีผู้เรียกว่า "โมฆะบุรุษ" คือ เป็นบุรุษ(บุคคล)ที่เกิดมาสูญเปล่า ชีวิตไร้ค่า เสียชาติที่เกิดมาเป็นคน ไม่ได้มีโอกาสพัฒนาชีวิตจิตใจของตนเองให้สูงขึ้น หรือทำประโยชน์แก่ตน ผู้อื่น หรือแก่โลกเลย เป็นชีวิตที่น่าสงสารมาก คนพวกนี้ แทบว่าไม่มีศีลธรรมอยู่ในจิตใจเลย เป็นอันตรายทั้งกับตนเองและผู้อื่นด้วย.... 


2.บัวใต้นำ-หมายถึง บุคคลที่ยังดี ค่อยยังชั่วกว่าประเภทบัวก้นบึงอยู่บ้าง จมอยู่ใต้น้ำ รอวันเวลาเติบโต โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในโอกาสต่อไป พวกนี้ยังพอมีศีลอยู่บ้าง เป็นบางข้อ ดีบ้างชั่วบ้างปะปนสลับกันไป ถ้าพวกนี้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ หรือกัลยาณมิตรที่ดี แนะนำให้คำปรึกษา เขาก็มีโอกาสพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้ต่อไป.... 

3.บัวปริ่มน้ำ-หมายถึง บุคคลที่มีศีลธรรมประจำใจพอสมควรแล้ว ศีล 5 อาจจะครบบ้างไม่ครบบ้าง มีโอกาสทำบุญทำทาน กุศลต่างๆบ่อยๆ แต่อาจจะยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรม สมาธิภาวนา พวกนี้ถ้าได้พบผู้แนะนำที่ดี เขาก็สามารถพัฒนาจิตใจขึ้นไปเป็นกัลยาณชน-ผู้เจริญแล้วได้ไม่ยากเลย..... 

4.บัวพ้นน้ำ-หมายถึง บุคคลที่มีศีลธรรมประจำใจครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างน้อยก็มีศีล 5 ครบทุกข้อ มีความบริสุทธิ์ในจิตใจพอสมควร ปฏิบัติทั้งทาน-ศีล-ภาวนา หรือ ศีล-สมาธิ-ปัญญาครบถ้วนในองค์ 3 มีโอกาสบรรลุธรรม ถึงมรรค-ผล-นิพพานได้ไม่ยาก ถ้ามีความเพียรพยายามปฏิบัติต่อเนื่อง สม่ำเสมอไม่ท้อถอย..... 


***คนประเภท 1,2 คบได้แต่ต้องระวังตัวพอสมควร ประเภท 3-4 คบหาสมาคมได้ค่อนข้างสนิทใจ เพราะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เพราะพื้นฐานจิตใจดี มีศีลธรรมประจำใจ..... 
************************************************************************** 

ที่มา - จำไม่ได้ รู้แต่ว่าเอามาประยุกต์ไว้เตือนใจด ในการทำใจกับการคบคน และ ลูกน้อง