31.12.13
28.12.13
26.12.13
วิธีรับมือกับ 10 นิสัยยอดแย่! ของเพื่อนร่วมงาน
ข้อแนะนำ คุยกับคนประเภทนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณให้เขาฟัง และอย่าสนใจคนประเภทนี้ หากไม่มีใครฟัง เดี๋ยวก็เงียบไปเองแหละ
4.ช่างยุแหย่ เพื่อนร่วมงานประเภทนี้ชอบพูดเรื่องคนนั้นคนนี้และเล่าไปมาให้คนทะเลาะกันเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์
ข้อแนะนำ ต้องร่วมมือกันหลายๆ คนในออฟฟิศด้วยการไม่สนใจเขาเลย ต้องดัดนิสัยเสียบ้าง
5.จอมยุ่งเหยิง บนโต๊ะทำงานของเขามีเอกสาร ข้าวของกองยุ่งเหยิงไปหมด แม้แต่ถุงเท้าเขายังใส่สองข้างต่างสีกันเลย
ข้อแนะนำ ตราบใดที่เขายุ่งเหยิงกับตัวเขาเองโดยไม่ได้ทำให้คุณเสียหาย ก็ปล่อยเขาซะ หรือหากคุณอยากทำตัวเป็นแม่สักครั้งด้วยการเก็บของบนโต๊ะให้เขาอาทิตย์ละครั้งเพราะทนไม่ไหวก็แล้วแต่ความใจดีของคุณก็ละกัน
6.ไร้เดียงสาหรือไม่อยากช่วย เพื่อนร่วมงานคนนี้มักบอกว่าทำไม่ได้ นอกจากยิ้มแล้วก็ถามว่า ทำยังไงน่ะ ปล่อยให้คุณอธิบายหลายรอบ แล้วก็กลับมาถามอีก เฮ้อ ปัญญาน่ิมหรือเปล่าก็ไม่รู้
ข้อแนะนำ ให้คุณบอกว่า คุณอธิบายมาหลายรอบแล้ว หากจำไม่ได้ก็ควรจดโน้ตไปด้ว
7.โตแต่ตัว เพื่อนร่วมงานคนนี้ชอบส่งอีเมล์และรูปภาพประกอบที่ตลกๆ สนุกสนาน หรือซ่อนภาพแปลกๆ ไว้ในเอกสารสำคัญๆ
ข้อแนะนำ อย่าหัวเราะกับเรื่องตลกของเขาเพราะจะทำให้เขาชอบใจและทำมากขึ้น หรือคุณอาจบอกว่าเขาว่า นี่คือโลกของผู้ใหญ่นักทำงานนะคะ
8.ขี้หลี หนุ่มคนนี้ชอบเจ๊าะแจ๊ะจอแจกับเพื่อนร่วมงานสาวๆ หรือชอบพูดจาแทะโลมเท่าที่โอกาสจะอำนวย
ข้อแนะนำ ไม่ต้องลังเล จัดการกับเขาซะ อาจว่ากล่าวตรงๆ หรือหากแต๊ะอั๋งก็ตวัดมือสักที หรือนำไปเล่าในที่ประชุมเพื่อปรามหนุ่มขี้หลี
9.โทรศัพท์ส่วนตัวทั้งวัน ผู้ร่วมงานคนนี้ทำยังกับว่าออฟฟิศคือบ้านส่วนตัวของเธอหรือเขางั้นแหละ ก็คุณเธอเล่นโทรศัพท์คุยกับเพื่อนได้ทั้งวันแทบไม่มีหยุด โทรศัพท์ก็ดังไม่หยุดหย่อน
ข้อแนะนำ ส่งงานเร่งด่วนให้เธอหรือเขาทำเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคุยโทรศัพท์
10.อีโก้สูง ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรหรือทำอะไร ก็มักจะผิดในสายตาของเพื่อนร่วมงานคนนี้ เธอหรือเขา จะพูดจาดูถูกดูหมิ่นหรือบลั๊พให้คุณหน้าแตกแบบไม่ต้องเย็บกันละ
ข้อแนะนำ อย่าแสดงอารมณ์ร่วมกับหล่อน (เขา) เพราะจะทำให้คนประเภทนี้ได้ใจ ให้คุณทำงานไปตามปกติ ทำเหมือนกับว่าคุณไม่ได้ใส่ใจกับนิสัยของเธอ (เขา) และให้คุณพูดกับเธอ (เขา) ด้วยสำเนียงร่าเริงเพื่อให้รู้ซะมั่งว่านิสัยแย่ๆ อย่างนี้ เก็บไปใช้ที่บ้านเถอะจ้ะ
24.12.13
10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง
ตอนเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ เพราะโดนครูบังคับให้อ่านเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ลองเริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน กีฬา ดนตรี ข่าวซุบซิบดาราฝรั่ง หรือมุมขำๆในหนังสือพิมพ์ จำไว้เลยว่าไม่มีอะไรไร้สาระ เพราะเรากำลังเรียนรู้อยู่
2. ฟังวิทยุให้ชิน
การฟังวิทยุนั้นจะช่วยให้เราได้ฟังทั้งเสียงคนพูด รวมถึงเสียงร้องเพลง เป็นการฝึกหูในชินกับภาษาในหลายๆรูปแบบอีกวิธีหนึ่งด้วย
3. ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นภาษาไทย
การฝึกภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องอ่านหรือฟังแล้วแปลเป็นภาษาไทย อาจจะสงสัยว่าไม่แปลเป็นไทยแล้วจะเข้ะาใจยังไง การไม่พยายามแปลเป็นไทยจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
4. แปะกระดาษโน้ตบนสิ่งของต่างๆ
วิธีนี้จะเหมือนการเอาข้าศึกมาล้อมเมือง การแปะชื่อสิ่งของต่างๆที่เราใช้เป็นภาษาอังกฤษ ช่วยทำให้ชีวิตได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้มากขึ้น และเป็นการฝึกอ่านฝึกความเข้าใจไปในตัวด้วย
5. ดูทีวีและภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
การดูภาพ ฟังเสียง และอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยไปพร้อมๆกัน ช่วยฝึกประสาทการรับรู้ในหลายๆช่องทาง ซึ่งต่อไปก็สามารถเปลี่ยนจากซับไทย เป็นซับอังกฤษ ไปจนถึงขั้นปิดซับได้ในท้ายที่สุด
6. เล่นเกมที่ใช้คำภาษาอังกฤษบ่อยๆ
สมัยนี้มีเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน เราจึงสามารถหาแอพพลิเคชั่นเกมภาษาอังกฤษ เช่น Crosswords มาเล่นแก้เบื่อในยามว่างได้ ทีนี้ก็ลองเปลี่ยนจากแชทไลน์มาเป็นเล่นเกมแนวนี้แทน จะช่วยพัฒนาได้อีกทาง
7. ใช้คำต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีนี้หลายคนอาจจะมองดูว่ากระแดะหรือเปล่า? จริงๆแล้วเป็นเพียงการใช้คำให้ถูกกับภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยพยายามพูดอังกฤษบ่อยๆในศัพท์ที่ใช้ได้ เช่นเปลี่ยนคำว่ามือถือ เป็น Smart Phone เปลี่ยนคำว่า นาฬิกาปลุก เป็น Alarm เป็นต้น
8. ทำลิสต์ต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนนี้อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ถ้าเราลองลิสต์ต่างๆให้เป็นอังกฤษจะช่วยเราให้คุ้นเคยได้มากขึ้น อย่างเช่น ลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำพรุ่งนี้ ลิสต์ตารางไปเที่ยวพักผ่อน หรือลิสต์ของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
9. ลงทุนซื้อ Dictionary ดีๆสักเล่ม
นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพัฒนาภาษาไปได้ดีกว่า (สำหรับคนทุนน้อยจริงๆ ข้อนี้อาจจะข้ามไปได้บ้าง)
10. เราชอบอะไร ทำสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ความชอบ ความรัก มันทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้อย่างมีความสุขและไม่น่าเบื่อ ถ้าชอบทำอาหาร ก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าชอบเล่นกีฬาหรือดนตรี ก็ดาวน์โหลดวิดีโอการฝึกซ้อมแบบภาษาอังกฤษมาดู ถ้าชอบเล่นเกมก็ฝึกอ่านคู่มือเกมภาษาอังกฤษ เราก็จะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ
22.12.13
20.12.13
18.12.13
วิธีจับผิด ผู้ชายเจ้าชู้
วันนี้มี 4 วิธีจับผิดผู้ชายขี้จุ๊ทั้งหลายมาให้เพื่อนๆได้ลองไปใช้กันดู
1. ถ้าคุณรู้สึกว่าเค้าโกหก ให้ลองทำเฉยๆ ทำเหมือนคุณเชื่อที่เค้าพูด แล้วปล่อยเวลาให้ ผ่านไปซัก 2-3 วัน แล้วลองแยบถามตอนเผลอๆดู คนโกหก มักลืมสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ค่ะ รับรองได้ว่าถ้าคำตอบเหมือนเดิมแสดงว่าเค้าพูดความจริง แต่ถ้าใช้เวลาคิดนานก่อนตอบ ก็ไม่แน่นะ แสดงว่าเค้าอาจจะท่องจำมาอย่างดีกันผลาด
2. อย่าใช้วิธี เช็คกระเป๋าตังค์ เช็คโทรศัทพ์มือถือ เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว แถมยังเป็นอาการของผู้หญิงนิสัยแย่อีกต่างหาก ลองเปลี่ยนมาเป็นแกล้งโทรไปถามไถ่ทุกข์สุขเพื่อนของเค้าดูดีกว่า หรือลองแวะซื้อขนมไปฝากที่ออฟฟิตแล้วค่อยเนียนๆ ไปนั่งคุยกับเพื่อนสนิท หรือเลขา แหม...คนโกหก มันต้องมีอาการผิดปกติบ่งบอกแน่นอน แถมยังเป็นวิธีที่ไม่ผิดต่อแฟนที่ดีอีกด้วย
3. ถ้าคุณมั่นใจว่าเค้าโกหกจริง ลองใช้วิธีเอาคืนดู แต่แค่พอให้รู้สำนึก อย่าถึงขั้นแตกหัก ลองแกล้งโกหก แล้วให้เค้าจับได้ ลองแอบไปเที่ยวแต่ให้เค้ารู้ ถ้าเค้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แสดงว่าเค้ายังแคร์คุณอยู่ และนั่นเป็นสัญญาณดี ที่คุณสองคนจะปรับความเข้าใจ และระบายความรู้สึกต่อกัน
4. แต่ถ้าผลลัพท์ตรงกันข้าม เค้ากับไม่สนใจใยดีคุณ และคุณทำตามทุกข้อที่บอกมา และค้นพบความจริงว่าเค้าตอแหลสุดๆ ขอแนะนำให้ หาผู้ชายคนใหม่ ผู้ชายดียังมีอีกเยอะ ถึงแม้จะหายากก็ตาม แต่ผู้ชายเลวไม่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเรา
12.12.13
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด
อาหารที่ควรกิน : น้ำย่อยมีความเป็นกรดสูง ย่อยโปรตีนได้ง่าย จึงสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นเนื้อหมูเพราะมีไขมันสูง ควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดไม่แข็งตัว และธัยรอยด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดโอ ส่วนผักและผลไม้ควรเลือกกินบร็อกโคลี่ คะน้า สับปะรด
อาหารที่ควรเลี่ยง : อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี เพราะจะมีปฏิกิริยาต่อระบบย่อยและระบบเลือด ทำให้น้ำหนักเพิ่มและเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม ส่วนผักก็ไม่ควรกินจำพวกกะหล่ำ เห็ดหอม มะเขือยาว มันฝรั่ง และข้าวโพด ส่วนเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟและเบียร์ ก็ไม่ควรกินเพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารที่มีมากอยู่แล้ว
กินอาหารตามกรุ๊ป B กินง่ายๆ แค่ให้บาลานซ์
อาหารที่ควรกิน : เน้นอาหาร 5 หมู่แบบสมดุล ผลไม้ที่ดีมากๆ คือกล้วย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และควรรับประทานผักให้มากๆเพื่อป้องกันโรคที่มาจากเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย
อาหารที่ควรเลี่ยง : เนื้อหมูและเนื้อไก่ ที่อาจจะนำไปสู่อาการทางสมองและโรคข้อเสื่อม ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะถั่วลิสงและงาก็อาจจะรบกวนระบบอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงเฉียบพลัน
กินอาหารตามกรุ๊ป A เจ้าแม่มังสวิรัติ
อาหารที่ควรกิน : ข้าว แป้ง ผักและผลไม้ อาจเน้นพวกผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วลิสง เพราะช่วยต่อต้านมะเร็ง ผักและผลไม้ที่ดีได้แก่ หัวหอมใหญ่ บร็อกโคลี่แครอต ฟักทอง กระเทียม สับปะรด
ส้มโอ และมะนาว
อาหารที่ควรเลี่ยง : เนื้อสัตว์ทุกชนิดจะทำให้ย่อยยากและเกิดการสะสมของไขมัน อาจทำให้เป็นโรคหัวใจและมะเร็ง ถ้างดไม่ได้ควรเลือกเนื้อไก่และปลาแทน การดื่มนมมากๆ จะทำให้ท้องอืด แน่น เรอเหม็นเปรี้ยว ผักและผลไม้ที่ย่อยยากก็จะมีมะเขือเทศ ส้ม แตงโม และแคนตาลูป ส่วนเครื่องดื่มก็ให้งดน้ำอัดลมและเบียร์
กินอาหารตามกรุ๊ป AB ลูกผสมของ A กับ B
อาหารที่ควรกิน : อาหารทะเล ถั่วเหลือง เต้าหู้ แต่ควรจำกัดปริมาณในการกิน เพราะร่างกายผลิตน้ำย่อยไม่เพียงพอในการย่อยโปรตีนที่มากเกินไป ชาเขียว ผักสดๆ และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้มโอ เชอร์รี่ สับปะรด มีประโยชน์มาก ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดนี้
อาหารที่ควรเลี่ยง : อาหารที่มีไขมันมากและเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ
สาวๆรู้แบบนี้แล้วก็เลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนดูนะค่ะ เพื่อนๆจะได้มีหุ่นดี ผอมเพรียว แถมหน้าเด็กกันทุกๆคนน้าาา
7.12.13
19.11.13
7.10.13
แก๊สในท้อง
"มีแก๊สในท้อง แน่นอึดอัด ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลม" (Gas,Bloating,Belching,and Flatulence) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง : อาการที่เกี่ยวข้อง : บทนำ มีแก๊สในท้อง (Gas in digestive tract) หมายถึง การมีแก๊สในกระเพาะอาหารและในลำ ไส้ซึ่งรวมทั้งในลำไส้เล็กและในลำไส้ใหญ่ เป็นอาการปกติในทุกคนตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่เมื่อมีแก๊สในท้องมากกว่าปกติ จะก่อให้เกิดอาการต่างๆได้ คือ แน่นอึดอัด (Bloat ing) เรอ (Belching) และท้องอืด/ท้องเฟ้อ/ผายลม (Flatulence) มากกว่าปกติ รวมทั้งปวดท้อง ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการเขียนบทความ บทความนี้จึงขอใช้คำว่า “แก๊ส” แทนอาการทั้งหมดที่เกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้/แก๊สในท้อง ซึ่งคือ “อาการมีแก๊สในลำไส้ แน่นอึดอัด ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลม” โดยปกติในกระเพาะอาหารและลำไส้มีการสร้างแก๊สขึ้นเสมอเป็นประจำจากการทำงานของทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้ แต่ทั้งนี้จะในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละคน เฉลี่ยประมาณ 0.5-2 ลิตรต่อคนต่อ 1 วัน โดยแก๊สส่วนใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นแก๊สผสมของ คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน ไนโตรเจน แลไฮโดรเจน และในบางคนส่วนน้อยอาจสร้างแก๊ส มีเทน (Methane) ร่วมด้วย ซึ่งแก๊สทั้งหมดดังกล่าว ไม่มีสี และไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นจะเกิดได้จากการสร้างแก๊สที่มีส่วนผสมของ ซัลเฟอร์ (Sulfur) จากแบคทีเรียปกติ/แบคทีเรียประจำถิ่นบางชนิดในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นกลิ่นจากแก๊สจึงมักเป็นการผายลม แก๊สที่สร้างขึ้นหรือมีอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ จะถูกระบายออกจากร่างกายทาง การเรอ เมื่อเป็นแก๊สในกระเพาะอาหาร ทางการผายลม เมื่อเป็นแก๊สในลำไส้ ซึ่งร่างกายระบายแก๊สออกจากทั้งสองช่องทางนี้ถึงวันละประมาณ 14-23 ครั้งโดยส่วนใหญ่เราไม่ได้สังเกต นอกจากนั้น อีกช่องทางของการระบาย คือแก๊สบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต (เลือด) และถูกปล่อยออกจากร่างกายทางการหายใจ การมีแก๊สในท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลม เป็นอาการพบบ่อยในทุกวัย แต่พบได้บ่อยขึ้นในวัยทำงาน และวัยสูงอายุ แก๊สในท้องเกิดได้อย่างไร? แก๊สในท้องเกิดได้จาก 2 กลไกหลัก คือ จากเรากลืนอากาศเข้าไป และจากการสร้างของกระเพาะอาหารและลำไส้ - จากการกลืนอากาศ เรามักกลืนอากาศร่วมไปกับการดื่ม การกิน/เคี้ยวอาหาร และการพูด ซึ่งการกิน/ดื่มเร็ว การใช้หลอดดูดเครื่องดื่ม/อาหาร การเคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม/ทอฟฟี่ การสูบบุหรี่ และการใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี เพิ่มการกลืนอากาศในปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งอากาศจากการกลืน จะก่อให้เกิดอาการท้องอืด/แน่นกระเพาะอาหาร และ/หรือหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการเรอ อย่างไรก็ตามแก๊สจากการกลืนบางส่วนอาจถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด และ/หรือเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ได้ - จากการสร้างของกระเพาะอาหาร และลำไส้ ในกระเพาะอาหารขณะย่อยอาหาร จะก่อให้เกิดแก๊สได้ โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่ก่อปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะอาหาร เช่น น้ำอัดลมต่างๆ ซึ่งดังกล่าวแล้ว ร่างกายจะกำจัดออกโดยการเรอ และบางส่วนผ่านเข้าสู่กระแสโลหิต และลำไส้ ส่วนแก๊สในลำไส้ใหญ่ซึ่งร่างกายขับออกโดยการผายลม เกิดจากกากอาหารที่เหลือจากการย่อยของลำไส้เล็ก เมื่อเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียปกติในลำไส้ใหญ่ซึ่งมีอยู่มากมายจะย่อยสลายกากอาหารเหล่านี้ต่อเนื่อง ยิ่งมีกากอาหารมากก็ยิ่งมีปริมาณแก๊สเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ปริมาณแก๊ส และกลิ่นของแก๊สในลำไส้ใหญ่ นอกจากขึ้นกับปริมาณอาหารแล้ว ยังขึ้นกับประเภทอาหาร และแต่ละบุคคลซึ่งจะมีแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ได้แตกต่างกันทั้งในปริมาณและในชนิด ดังนั้น อาหาร เครื่องดื่มชนิดเดียวกัน จึงก่ออาการได้แตกต่างกันในผู้บริโภคแต่ละคน แต่ละคนจึงต้องสังเกตเองว่า ตนเองกิน/ดื่มอะไร แล้วก่อให้เกิดอาการต่างๆอย่างไร มากหรือน้อย เพื่อการปรับให้เหมาะสมกับตนเอง อาหารอะไรบ้างที่ทำให้เกิดแก๊ส? อาหารหลักที่สร้างแก๊ส คือ อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตาล) โดยเฉพาะประเภทมีใยอาหารสูง ส่วนโปรตีน และไขมันสร้างแก๊สได้บ้างแต่ไม่มากเท่าคาร์โบไฮเดรต อย่างไรก็ตาม อาหารไขมันเป็นอาหารที่ย่อยยาก มักค้างอยู่ ในกระเพาะอาหารได้นาน ถ้ากินในปริมาณมากจึงมักก่ออาการ ท้องอืด/แน่นท้องได้ -น้ำตาล ชนิดที่ก่อแก๊สได้มาก เช่น 1.น้ำตาล ราฟฟิโนส (Raffinose) พบมากในถั่วชนิดต่างๆ รวมทั้งถั่วกินทั้งฝัก ผักกะหล่ำ บรอคโคลิ หน่อไม้ฝรั่ง และธัญพืชเต็มเมล็ด
2.น้ำตาลแลคโตส (Lactose) เป็นน้ำตาลในนม ดังนั้นในบางคนเมื่อดื่มนม จึงเกิดอาการท้องอืด แน่น เนื่องจากขาด หรือมีน้ำย่อยน้ำตาลชนิดนี้น้อย (ภาวะขาดหรือพร่องเอน ไซม์แลคเตส) ซึ่งมักพบในคนชาติเอเชีย
3.น้ำตาลฟลุคโตส (Fluctose) ซึ่งมีมากในผลไม้ หัวหอม ลูกแพร์ และข้าวสาลี นอกจากนั้นเรายังใช้เป็นส่วนผสมในน้ำผลไม้กระป๋อง/กล่อง หรือในเครื่องดื่มต่างๆ
4.น้ำตาลซอร์บิโทล (Sorbitol) ซึ่งใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหาร และขนมต่างๆ เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม และผลไม้ ที่พบในปริมาณมาก คือ แอปเปิล ลูกพีช ลูกแพร์ และลูกพรุน -แป้ง ชนิดก่อแก๊สได้มาก เช่น แป้งจาก มันฝรั่ง ข้าวโพด ข้าวสาลี ยกเว้นข้าว ซึ่งให้แป้งที่ก่อแก๊สได้น้อยมาก -ใยอาหาร (Dietary fiber) คือ อาหารที่ได้จากพืช และร่างกายไม่สามารถย่อยสลายและดูดซึมได้ จึงผ่านจากกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ โดยส่วนที่ละลายน้ำได้ของใยอาหาร แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะหมักและทำให้เกิดเป็นแก๊สขึ้น แต่ส่วนที่ละลายไม่ได้จะดูดซึมน้ำ และร่างกายจะขับออกเป็นอุจจาระ ซึ่งคุณสมบัตินี้ช่วยในการขับถ่าย และป้องกันอาการ ท้องผูก อาหารที่มีใยอาหาร คือ ผัก และผลไม้ทุกชนิด แต่ที่มีใยอาหารสูง เช่น ถั่วต่างๆ ถั่วกินทั้งฝัก มันเทศ ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวโอต หัวหอม กล้วย พรุน ผลเบอรรี (Berries) ผลนัท (Nut) ต่างๆ (โดยเฉพาะอัลมอนด์) แอบเปิล แพร์ อะโวคาโด และเปลือก ผลไม้
อะไรเป็นสาเหตุให้มีแก๊สในท้องมาก? สาเหตุที่ทำให้มีแก๊สในท้องมากที่พบบ่อย ได้แก่ -กินอาหารปริมาณมาก -กิน ดื่ม อาหารประเภทผลิตแก๊สสูงดังกล่าวแล้ว -กลืนอากาศมากกว่าปกติ เช่น สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง กิน/เคี้ยวเร็ว อมลูกอม/ทอฟฟี่ ใช้หลอดดูดน้ำ/อาหาร และใส่ฟันปลอมที่หลวมไม่พอดี -ขาดน้ำย่อยอาหารบางชนิด เช่น ขาดน้ำย่อยนม -อาหารไขมัน ถึงแม้ไม่ได้สร้างแก๊สมาก แต่เป็นอาหารที่ย่อยยาก จึงคั่งค้างนานในกระเพาะอาหาร-ลำไส้ จึงก่ออาการท้องอืด แน่นท้องได้ -ท้องผูก -เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น ช่วงก่อน หรือมีประจำเดือน -โรคกรดไหลย้อน (ไหลกลับ)
-โรคบางชนิดของกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคลำไส้แปรปรวน และโรคของเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร-ลำไส้ ส่งผลให้ ขับแก๊สออกได้น้อย
-ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่ลดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร-ลำไส้ เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่มยาเสพติด และในกลุ่มยาต้านการอักเสบเอ็นเสดส์ (NSAIDs) ส่งผลให้ขับแก๊สออกได้น้อย
-ปัญหาทางอารมณ์ จิตใจ เช่น ความเครียด ซึ่งส่งผลต่อการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร และการเคลื่อนไหว บีบตัวของลำไส้
-บางคนปริมาณแก๊สในท้องปกติ แต่เป็นคนที่ไวต่อแก๊สมากกว่าคนทั่วไป จึงมีอา การเหมือนกับคนมีแก๊สในท้องมากได้ แก๊สในท้องมีอาการอย่างไร?
อาการจากการมีแก๊สในท้องมาก ที่พบบ่อย คือ ท้องอืด/แน่นท้อง เรอ/ท้องเฟ้อ และผายลม มากกว่าปกติ -ท้องอืด/แน่นท้อง คืออาการที่มีท้องป่อง มักเกิดหลังการกิน/ดื่ม ส่งผลให้รู้สึกแน่นอึดอัด แต่อาจเกิดเมื่อไรก็ได้เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว เช่น สูบบุหรี่ หรือ เคี้ยวหมากฝรั่ง อาการร่วม คือบางคนอาจมีอาการปวดท้องได้แต่อาการปวดไม่มาก โดยตำแหน่งปวดท้องมักเคลื่อนที่ได้ตามการเคลื่อนที่ของแก๊ส และอาการมักดีขึ้นเมื่อ
หรือ ผายลม อย่างไรก็ตาม บางคนปวดท้องได้มาก เช่น เมื่อปวดด้านซ้ายตอนบน อาจต้องแยกจากการเจ็บหน้าอกจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ถ้าปวดท้องในส่วนช่องท้องด้านขวาตอนบน อาจต้องแยกจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี หรือถ้าปวดในส่วนช่องท้องล่างขวา หรือรอบสะดืออาจต้องแยกจากโรคไส้ติ่งอักเสบ -เรอ/ท้องเฟ้อ คืออาการจากมีแก๊สมากในกระเพาะอาหาร และ/หรือหลอดอาหาร ร่างกายจึงกำจัดออกด้วยการเรอ ซึ่งอาจเกิดร่วมกับอาการแสบร้อนกลางอก (โรคกรดไหลย้อน) อาการจุกเสียด แน่นท้อง และอาการต่างๆเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วในอาการท้องอืด แน่นท้อง -ผายลม ทั้งนี้ ทั้งปริมาณและกลิ่น ขึ้นกับประเภทอาหาร ปริมาณอาหาร และชนิดแบคทีเรียประจำถิ่นที่แตกต่างกันในแต่ละคน ซึ่งอาการผายลมมาก/บ่อยกว่าปกติ มักเกิดร่วมกับอา การท้องอืด/แน่นท้อง และเรอ/ท้องเฟ้อดังได้กล่าวแล้ว -แพทย์วินิจฉัยภาวะมีแก๊สในท้องได้อย่างไร? แพทย์วินิจฉัยภาวะมีแก๊สในท้อง ได้จาก ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน การใช้ยาต่างๆ ปัญหาด้านอารมณ์/จิตใจ และการตรวจร่างกาย และโดยการให้ยาตามอาการไปก่อน เช่น ยาช่วยย่อยอาหาร ยาลดกรด ยาดูดซึมแก๊ส หรือยาเพิ่มการบีบตัวของกระเพาะอาหาร-ลำไส้ ซึ่งถ้าอาการดีขึ้นก็เป็นการช่วยวินิจฉัยภาวะนี้ แต่ถ้าอาการยังเกิดอย่างต่อเนื่อง หรืออาการเลวลงหลังการรักษา อาจมีการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมในกรณีแพทย์ต้องการแยกจากโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคไส้ติ่งอักเสบ เช่น การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) ดูการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ -ภาวะมีแก๊สในท้องรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม? การมีแก๊สในท้อง โดยทั่วไปไม่รุนแรง ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่คุณภาพชีวิตอาจลดลงได้ และโดยทั่วไปไม่ก่อผลข้างเคียงแทรกซ้อน -ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร? การดูแลตนเอง การพบแพทย์เมื่อมีแก๊สมาก ท้องอืด/แน่นท้อง เรอ/ท้องเฟ้อ และผายลมมากผิดปกติ ได้แก่ -ปรับพฤติกรรมการกิน/ดื่ม กินอาหารในแต่ละมื้อลดปริมาณลง และสังเกต/ปรับชนิดของประเภทอาหาร/เครื่องดื่ม -จำกัดอาหารไขมัน -หลังกินอาหารควรมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อช่วยการเคลื่อนไหวลำไส้ กำจัดแก๊สออกจากกระเพาะอาหาร-ลำไส้ -ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น -กินอาหาร ดื่มเครื่องดื่มช้าๆ -เลิกบุหรี่ หมากฝรั่ง อมลูกอม -ปรึกษาทันตแพทย์เรื่องฟันปลอม -รักษาสุขภาพจิต -ในเบื้องต้น ปรึกษาเภสัชกรร้านขายยา ซื้อยาบรรเทาอาการต่างๆ -พบแพทย์เมื่ออาการไม่ดีขึ้น หรือเมื่ออาการเลวลงหลังการดูแลตนเองประมาณ 2 สัปดาห์ หรือเมื่อกังวลในอาการ -ควรรีบพบแพทย์ฉุกเฉิน หรือภายใน 24 ชั่วโมงขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เมื่อ 1.มีไข้ ปวดท้องรอบๆสะดือ หรือ ตำแหน่งด้านขวาตอนล่าง เพราะอาจเป็นอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ 2.เจ็บร้าวลงไหล่ แขน หรือขึ้นขากรรไกรซ้าย เหนื่อย เหงื่อออกผิดปกติ ใจสั่น จะเป็นลม เพราะอาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ 3.มีไข้ และปวดท้องบริเวณด้านขวาตอนบน เพราะอาจเกิดจากถุงน้ำดีอักเสบจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี ป้องกันภาวะมีแก๊สในท้องอย่างไร? การป้องกันการมีแก๊สมากในท้องรวมทั้งป้องกันอาการ ท้องอืด/แน่นท้อง เรอ/ท้องเฟ้อ และผายลมมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วในหัวข้อการดูแลตนเองและการพบแพทย์ (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อนั้น) ซึ่งที่สำคัญคือ -สังเกตความสัมพันธ์ระหว่าง ชนิด และปริมาณอาหารที่บริโภค ปรับอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง และปรับ/หลีกเลี่ยงอาหารชนิดที่ทำให้เกิดอาการ ซึ่งในแต่ละคนจะแตกต่างกันได้ บรรณานุกรม Belching http://en.wikipedia.org/wiki/Belching [2013,July18]. Bloating http://en.wikipedia.org/wiki/Bloating [2013,July18]. Dietary fiber http://en.wikipedia.org/wiki/Dietary_fiber [2013,July18]. Flatulency http://en.wikipedia.org/wiki/Flatulence [2013,July18]. Gas in the digestive tract http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/gas/ [2013,July18]. ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://haamor.com/th:หาหมอดอทคอม
5.10.13
11.9.13
ทดสอบสมอง
27.8.13
แบบทดสอบบุคลิกภาพจากการถือร่มในวันที่ฝนตก
วิธีทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ นี้ ง่ายๆนะคะ เริ่มกันเลย ใช้จินตนาการ วาดภาพของตัวเองว่า คุณตื่นมาตอนเช้า มองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก แต่คุณจะต้องออกไปนอกบ้าน ดังนั้นคุณต้องการร่มซักคัน และตอนนี้คุณต้องตัดสินใจว่าจะนำร่มสีอะไรไปกับคุณด้วย ระหว่าง ดำ ฟ้า น้ำตาล เขียว ส้ม ชมพู ม่วง แดง เหลือง
เลือกได้รึยังจ๊ะ คันเดียวก็พอนะ.....
ถ้าเลือกได้แล้วก็เลื่อนลงไปอ่านวิเคราะห์ แบบทดสอบบุคลิกภาพ นี้ กันเลย แบบทดสอบบุคลิกภาพ นี้บอกอะไรกับคุณ ฝนที่ตกกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เป็นสัญลักษณ์แทนวันแย่ๆ ปัญหา ช่วงเวลาคับขัน หรือมรสุมชีวิต ดังนั้น สีของร่ม จะบอกบุคลิกภาพ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิธีการรับมือกับปัญหาของคุณ
ร่มสีดำ ... คุณเป็นคนที่มีพลัง
*เมื่อยามที่เผชิญหน้ากับปัญหา คุณตอบโต้ด้วยอำนาจที่มี คุณจะไม่ยอมให้ปัญหามาก่อกวนคุณได้
*โดยธรรมชาติคุณเป็นคนมีอำนาจและเป็นผู้นำ ผู้คนจะพึ่งพาให้คุณช่วยดูแล
*คุณเป็นคนที่สง่า และมีระดับ คุณรู้เสมอว่า จะพูดและทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง
*คุณเหมาะที่จะเป็นผู้นำ และ ก้าวหน้าได้ในหลายๆสถานการณ์
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณก็ทำอะไรไปตามปกติ เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ทำอะไรคุณไม่ได้หรอก!
ร่มสีฟ้า ... คุณเป็นคนสบายๆ
*เวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหา คุณเป็นคนที่ไว้ใจได้
*เมื่อยามที่เกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น คุณจะเป็นคนที่น่าเชื่อถือและพึ่งพาได้อย่างมาก
*คุณเยือกเย็น ผ่อนคลาย และสบายๆ คนอื่นๆรู้สึกว่าง่ายที่จะเข้ากับคุณได้
*คุณเป็นนักสื่อสาร หรือนักพูดที่เก่ง ผู้คนจะเทใจให้คุณในเรื่องนี้
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณควรใช้เวลาพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆที่สนิทกัน
ร่มสีน้ำตาล ... คุณเป็นคนเยือกเย็น
*เวลาที่เผชิญกับปัญหา คุณจะรีบแก้ไขปัญหาต่างๆทันที
*คุณไม่ชอบความลำบาก หรือ ความขัดแย้งในชีวิต คุณจึงเรียกความสมดุลให้กลับมาเสมอ
*คุณมีชีวิตอยู่อย่างสงบและสะดวกสบาย เลือกความมั่นคง มากกว่าความตื่นเต้น และนั่นก็ดีกว่าจริงๆสำหรับคุณ
*คุณเป็นคนที่มีอารมณ์อันมั่นคงและตรงไปตรงมา ไม่ช่างสลับซับซ้อน
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่มีที่ไหนดีกว่าที่นั่นแล้ว
ร่มสีเขียว ... คุณเป็นคนมีสายตาเฉียบแหลม
*เวลาที่เผชิญหน้ากับปัญหา คุณจะพยายามที่จะทำใจให้สงบก่อน และจึงค่อยลงมือแก้ไข
*คุณเป็นคนที่จัดการกับสิ่งใดๆ ด้วยมุมมองหรือทัศนคติที่สดใหม่ แต่คุณจะต้องพักผ่อนซะก่อน
*คุณเป็นคนทีมีสายตาเฉียบคม และ หยั่งรู้ คุณมีระดับสมาธิ หรือความจดจ่อต่อสิ่งใดๆที่น่าอัศจรรย์มาก
*คุณจะเพ่งความสนใจไปยังปัญหาต่างๆจนกระทั่งมันได้รับการแก้ไข
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณควรใช้เวลาพักผ่อนนอนหลับ และนั่งคิดอะไรชิลๆ
ร่มสีส้ม ... คุณเป็นคนสนุกสนาน
*เวลาที่เผชิญกับปัญหา คุณมักหาทางออกได้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
*ปัญหาจะไม่ทำให้คุณแย่ คุณมองว่ามันเป็นเพียงโอกาสที่จะได้คิดอะไรนอกกรอบ
*คุณเป็นคนขี้เล่นและร่าเริง คุณสามารถทำให้งานน่าเบื่อกลายเป็นสิ่งน่าสนใจและมีชีวิตชีวาได้
*คุณอยากรู้อยากเห็นกับโลกรอบตัว และ ใช้ทุกช่วงเวลาเป็นโอกาสในการเรียนรู้
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : ออกไปเล่นกับมัน เหมือนกับเล่นน้ำ ในวันที่ฝนตก
ร่มสีชมพู ... คุณเป็นคนอ่อนไหว
*เวลาที่เผชิญกับปัญหา คุณตอบโต้ด้วย ความรู้สึก และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
*แม้เวลามีใครสร้างปัญหาให้กับคุณ คุณก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใจเรื่องราวจากมุมมองของเขา
*คุณเป็นผู้ที่ไวต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง
*คุณมีความเข้าใจ และสามารถที่จะช่วยเหลือคนที่กำลังแย่ แม้ว่าพวกเขาจะจัดการด้วยยาก
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณควรให้ความช่วยเหลือกับคนที่ต้องการ
ร่มสีม่วง ... คุณเป็นคนนุ่มนวล
*ยามที่ต้องเผชิญกับปัญหา คุณก็ยังมีอารมณ์มั่นคงและเชื่อมันในตัวเอง
*คุณเป็นคนที่สมดุลมาก แทบจะไม่เคยเลยที่คุณจะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแย่ได้
*คุณเป็นคนฉลาด และ มีเหตุมีผล คุณมีทัศนคติที่ดีและมุมมองของชีวิตที่กว้าง
*คุณยอมรับสิ่งต่างๆในแบบที่มันเป็น และจะไม่พยายามเปลี่ยนสิ่งใดที่มันไม่สามารถเปลี่ยนได้
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณควรใช้เวลาในการอ่านหนังสือ หรือค้นคว้า
ร่มสีแดง ... คุณเป็นคนมีความมั่นใจ
*เวลาที่เผชิญหน้ากับปัญหา คุณตอบโต้อย่างห้าวหาญ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าคุณชอบความท้าทาย
*คุณไม่มีทางถอยง่ายๆ คุณมีความมั่นใจ และ เป็นตัวของตัวเอง
*คุณเป็นคนที่ไม่เคยอายในการแสดงความคิดหรือคำพูดในการคัดค้านต่อต้าน
*คุณจะพูดสิ่งที่คุณคิด และไม่มีใครจะมาทำให้คุณเงียบได้
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : คุณควรจะดำเนินแผนการครองโลกของคุณต่อไป ในขณะที่คนอื่นๆพักผ่อนอยู่บ้านและยังนอนหลับปุ๋ย
ร่มสีเหลือง ... คุณเป็นคนแอคทีฟ
*ยามที่เผชิญกับปัญหา คุณจัดการกับมันอย่างน่าทึ่ง ด้วยความชัดเจน
*คุณเป็นคนที่ ตื่นตัว และ กระฉับกระเฉง อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง
*สิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นๆก็คือ คุณจะไม่ค่อยรู้จักคำว่า เหน็ดเหนื่อย หรือ หมดแรง
*คุณจะค้นหาอย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แล้วก็ยังมีเวลามาสนุกกับชีวิตได้อีก
*คำแนะนำในวันที่แย่ๆ : อยู่บ้าน และ จัดการกับสิ่งที่ต้องทำ
ที่มา--Muayin Spuc/fb.com
24.8.13
แบบทดสอบบุคลิกภาพ พรสวรรค์ที่ซ่อนในตัวคุณ
วิธีทำแบบทดสอบบุคลิกภาพนี้ ให้เพื่อนๆเลือกภาพด้านล่าง ที่เพื่อนๆรู้สึกว่ามันดึงดูดคุณที่สุดในขณะนี้...
เอาหล่ะไม่ต้องคิดมากค่ะมาเลือกรูปกันได้เลย...เอาที่ชอบที่สุดมา 1 ภาพ ระหว่าง a-z
นั่นแน่......อย่าลังเล เลือกมาซะดีๆเดี๋ยวนี้ ห้ามแอบดูเฉลยก่อนนะ
เลือกได้แล้วหรือยังเอ่ย????
ถ้าเลือกได้แล้ว...
ไปดูวิเคราะห์แบบทดสอบบุคลิกภาพนี้กันเลย ว่าพรสวรรค์ที่ซ่อนในตัวเพื่อนๆมันคืออะไร
แบบ A พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ ความหยั่งรู้
*คุณเป็นคนที่อ่อนไหว และ เข้าใจสถานการต่างๆได้ง่ายดาย
*คุณมักแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ในแว่บเดียว โดยไม่ต้องการข้อมูลอะไรมากมาย
*การตัดสินใจเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ คุณมีสัญชาติญาณหยั่งรู้ที่เฉียบคม
*คุณรู้ชัดว่าอะไรคือหนทางที่ใช่ และคุณก็เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไม่ใช่น้อย
แบบ B พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ การเข้าถึงผู้คน
*พรสวรรค์ตามธรรมชาติของคุณนั้นคือมนุษยสัมพันธ์ และการเข้าใจผู้คน
*คุณมีความสามารถในการสื่อสารดีมากและสามารถเชื่อมผู้คนที่แตกต่างเข้าด้วยกัน
*ความสุขุมของคุณช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
*ผู้คนรู้สึกดีและอยากที่จะพูดคุย และได้รับกำลังใจจากคุณ
แบบ C พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ ไหวพริบ
*คุณเป็นนักสื่อสารที่ยิ่งใหญ่ คุณมีวิธีพูดที่ดีจริงๆ
*คุณไม่เคยจนหนทางกับการที่จะต้องอธิบายสิ่งต่างๆ หรือความรู้สึกของคุณ
*ผู้คนจะพบว่ามันง่ายที่จะเข้าใจหรือเห็นใจคุณ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงก็ตาม
*เวลาที่คุณมีความสุข ทุกคนก็มีความสุขไปด้วย เมื่อคุณทุกข์ ทุกคนก็พร้อมทุกข์ไปกับคุณ
แบบ D พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ จินตนาการ
*คุณเป็นผู้รอบรู้และมีความคิดสร้างสรรค์
*คุณเต็มไปด้วยความคิดใหม่ๆและ ศักยภาพ
*ไอเดียของคุณอาจเปลี่ยนโลกก็ได้ หากคุณได้สร้างมันขึ้นมา
*ตราบที่คุณไม่หยุดทำตามฝันของคุณ คุณก็จะไปถึงฝั่งฝันนั้นได้
แบบ E พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ พลังดึงดูด
*คุณมีพลังที่จะโน้มน้าวใจคน และมีอิทธิพลต่อผู้อื่น
*คุณมีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพลิกผันสิ่งต่างๆได้
*ศักยภาพความเป็นผู้นำของคุณซ่อนอยู่ตรงนั้น ตราบที่คุณไม่ใช้มันผิดวิธี
*ระมัดระวังจำไว้เสมอว่า คุณมีพลังและมีอิทธิพลต่อผู้อื่น มากกว่าที่คุณคิด
แบบ F พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของคุณ คือ พลังปฏิวัติ
*คุณมีความสามารถในการ ปฏิวัติเปลี่ยนแปลง ระบบต่างๆ
*และแม้ว่ามันจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่มันก็อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
*คนแบบคุณเปรียบเสมือนตัวเร่งปฏิกริยา ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางวัฒนธรรม
*และคุณมักอยู่เบื้องหลัง โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
อ่านดูแล้วตรงกับเพื่อนๆกันบ้างไม๊เอ่ย???
9.8.13
แบบทดสอบทายใจ
แบบ A หัวใจปรารถนา
- หัวใจคุณปรารถนาความรักที่ลึกซึ้ง คุณรักอย่างซาบซึ้ง ด้วยอารมณ์ที่แรงกล้า
- คุณปล่อยให้หัวใจนำทาง และไม่เคยเสียใจที่มักกระโจนเข้าใส่สิ่งใดโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง และถ้าคุณล้ม คุณจะกระโจนเข้าไปอีกครั้ง!
- หัวใจของคุณบอบช้ำมาเกินกว่าจะนับครั้งได้ และคุณก็เป็นฝ่ายหักอกคนอื่นด้วยเหมือนกัน
- คุณคิดว่าการผิดหวังในความรักนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็คิดว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่ได้มา!
...
แบบ B หัวใจอุดมคติ
- หัวใจคุณปรารถนารักแท้ แม้ว่าคุณอาจจะต้องรอนานเท่าไหร่ คุณก็ยินดีที่จะรอ
- คุณคิดไว้แล้วว่าความรักของคุณจะต้องเป็นอย่างไร เลยยังไม่ลงเอยซักที เพราะคุณต้องการให้หัวใจของคุณได้พบความสุขที่แท้จริง
- มีแนวโน้มว่าคุณจะเคยอกหักมา เพราะหัวใจของคุณมักผิดหวังได้ง่าย
- ใช้เวลานานนะ เวลาที่จะเยียวยาหัวใจของคุณ เพราะคุณจะไม่ยอมลืมบาดแผลที่เคยมีซักที
...
แบบ C หัวใจแสนสุข
- หัวใจของคุณไม่ต้องการอะไรมาก และไม่ต้องทำอะไรมากที่จะทำให้หัวใจของคุณมีความสุข
- ไม่ว่าคุณอาจจะเคยพบรัก หรือไม่เคยก็ตาม ยังไงก็แล้วแต่ หัวใจของคุณสุขสงบดี
- ถ้าเกิดว่าคุณเคยผิดหวังในความรัก คุณก็ไม่เคยแพ้ หัวใจของคุณไม่มีบาดแผลอะไร
- หัวใจของคุณเปิดกว้างสำหรับทุกสิ่ง และคุณเองก็มีความรักมากมายให้กับโลกนี้
...
แบบ D หัวใจซับซ้อน
- หัวใจคุณปรารถนาหลายสิ่งหลายอย่าง และมักเปลี่ยนไป และยากที่จะคาดเดาว่าจะต้องการอะไรอีก
- คุณตกหลุมรักในวันนึงและเปลี่ยนไปในวันต่อมา สำหรับคุณแล้ว ความรักไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆ
- คุณอาจจะเคยผิดหวังในความรักมาบ้าง
- แต่ดีที่หัวใจของคุณได้รับการเยียวยาที่ดี บาดแผลที่มีกลับทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นซะอีก
ที่มา--kapook.com