15.10.10

จากปมพระวิหาร ถึงปากคำ“Eเพ็ญ”เปลือยกำพืด “แม้ว”สายพันธุ์อำมหิตจับมือ“ฮุนเซน”เผาไทยแลกประโยชน์

 

จากระเบิดที่ป้ายรถเมล์ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ มาจนการเกิดเหตุระเบิดกลางดึกที่ซอรางน้ำ ตรงข้ามห้างดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ มาจนกระทั่งการพบลูกระเบิดเอ็ม79ในทำเนียบรัฐบาล 3เหตุ อันน่าประหวั่นพรั่นพรึง ไม่รวมกับเหตุลอบวางระเบิดในหลายพื้นที่ และก่อนหน้านี้กรณีระเบิดรถเข็นหน้าพรรคภูมิใจไทย เกิดหลังบ้านเมืองเพิ่งผ่านวิกฤติพฤษภามหาวินาศ ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองผ่านมาเพียง2เดือนกว่าๆ
ฉาย ภาพเด่นชัดถึงวันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่พ้นจากห้วงอันตราย หรือสยามเมืองยิ้มดินแดนที่เคยสงบสุขได้แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นเมืองระเบิดหรือมะแตกแลนด์ไปแล้ว??
ผลกระทบ นอกจากชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่ไม่รู้เรื่องด้วยกับเกมแย่งชิงอำนาจ  ต้องมาบาดเจ็บนับสิบ และเสียชีวิตไปอีก1ราย โดย เฉพาะผู้เคราะห์ร้าย คนเก็บของเก่าหาเช้ากินค่ำ ต้องมาประสบเหตุระเบิดในซอยรางน้ำจนบาดเจ็บสาหัส ยื้อชีวิตด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลกและตัดอัณฑะทิ้ง สังเวยเกมป่วนเมือง ถึงตรงนี้ไม่ได้ปรักปรำ แต่ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บ่งชี้ไปในทิศทางที่ว่า ระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวโยง และเป็นวิธีการในลักษณะเดียวกันกับการลอบวางระเบิดหลายจุดในกทม.ช่วงม็อบ เสื้อแดงเดือนเมษายน-พฤษภาคม
อีกทั้งยังสงสัยได้ว่า "ระเบิด" คือแผนการร้ายลำดับต่อไปของนักโทษชายหนีคดี "ทักษิณ ชินวัตร" หลังปราชัยในเกมมวลชน การใช้ม็อบเสื้อแดงไม่สามารถล้มอำนาจรัฐบาล โค่นทุกองค์กรสถาบันสำคัญๆในประเทศชาติไม่สำเร็จ จึงต้องใช้แผน "วินาศกรรมประเทศไทย"??
โดยไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดการณ์แน่ เพราะนักโทษหนีคดีรายนี้พร่ำพูดเสมอว่าไม่สนใจวิธีการ ขอไปให้ถึงเป้าหมายเพียงพอ ถึงแม้วิธีการนั้นๆจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เกิดความสูญเสียมากมายเพียงใดแม้แต่ชีวิตเลือดเนื้อชาวบ้านก็ตาม
นอกจากนี้สังเกตได้จากการระดมอดีตนายทหาร อดีตตำรวจสารพัดรุ่นเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย หลายคนในกลุ่มอดีตท็อปบูตและสีกากีเหล่านี้เป็นที่รับรู้ในปูมประวัติกันดี บางส่วนคืออดีตทหารนักรบ มาเฟียสีกากี เป็นพวกเสพติดความรุนแรง นิยมการใช้กำลังและอาวุธเพื่อก่อการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจ หลายครั้งในอดีต  แต่คนกลุ่มนี้จะเกี่ยวข้องระเบิดหรือไม่ก็ตาม แต่คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในบริษัทการเมืองที่นายจ้างจะเรียกใช้งานใด ก็คาดการณ์กันได้ และเช่นกันว่า "คนแก่ โรคจิต"ที่ผบช.น. เอ่ยถึงผู้บงการเบื้องหลังเหตุวางระเบิด ตัวจักรสำคัญที่แฝงอยู่ในกลุ่มก๊วนนี้
เรื่องนี้ต้องฝาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หรือพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ในฐานะที่เป็นสองพี่ใหญ่ ช่วยหาตัวมาพิสูจน์ และเป็นไปได้ช่วยห้ามปรามไม่ให้"เฒ่าโรคจิต"มาก่อกรรมทำเข็ญต่อบ้านเมืองอีก ที่ไม่ใช่คนแก่ ยังหนุ่มแน่น ปากแดงแจ๋ ส่วนจะป่วยทางจิตหรือไม่ ยังไม่ชี้ชัดได้ "จักรภพ เพ็ญแข"ผู้ต้องหาหนีคดี ที่ล่าสุดออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ด้วยนัยยะน่าสนใจ เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในไทย และนายใหญ่ของเขา ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องการให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศสถานี โทรทัศน์เอบีซี ประเทศออสเตรเลีย เข้าสัมภาษณ์ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย จักรภพ อดีตแกนนำคนเสื้อแดงในเหตุการณ์จลาจลเมื่อเดือนเม.ย.2552 ยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรง
แต่ ยอมรับว่ามีบทบาทในการให้คำปรึกษาแนะนำกับแกนนำบนเวทีเสื้อแดงระหว่างการ ชุมนุมเคลื่อนไหว เช่นเดียวกันกับการยอมรับกลายๆว่า "ทักษิณ"ก็มีส่วนรู้เห็นในม็อบเสื้อแดง แต่ทักษิณกำลังประเมินใหม่ว่า จะคุ้มค่าหรือไม่ที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวในประเทศไทย
"การ เคลื่อนไหวจะได้รับการสนับสนุนมาจากไหน แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการสนับสนุนมาได้จากทุกที มันไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากคุณทักษิณและครอบครัวของเขา หรือคนที่เขาสั่งมา"
"ผม พูดถึงเงิน พูดถึงสถานที่ปลอดภัยที่จะอยู่ พูดถึงความร่วมมือกับรัฐบาลในประเทศที่พวกเราไปเยือน ไปอยู่ ... ผมพูดถึงสิ่งเหล่านี้ พวกเราได้รับ (การสนับสนุน) โดยธรรมชาติมากกว่าแต่ก่อน  หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้เรามีระบบที่ค่อนข้างปิด และ ผมรู้สึกผ่อนคลายที่ในช่วงปีที่ผ่านมามีการสนับสนุนอย่างกว้างขวางเช่นกัน แต่เราก็มีภารกิจที่จะชี้ให้ผู้คนที่อยู่ภายนอกเห็น โดยเฉพาะชาวต่างชาติ"
โดยเฉพาะในระดับ "นานาชาติ" "ทุนต่างชาติ"เข้ามาสนับสนุนม็อบเสื้อแดงก่อเหตุในประเทศไทย!
และ จากบทสัมภาษณ์ของจักรภพ พอจะประเมินได้ว่า เวลานี้ด้วยข้อจำกัดภายหลังความพ่ายแพ้ในการชุมนุมช่วงมี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา "ทักษิณ"กำลังคิดจะปรับเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้จากแนวรบด้านมวลชนไปในรูปแบบอื่น นอกเหนือจากใช้ล็อบบี้ยิสต์เดินเกมต่างประเทศกดดันไทย ยังคิดที่จะใช้แผนต่อสู้อื่น ที่ไม่พ้น "เกมใต้ดิน"  เกมที่แกนนำเสื้อแดง และกลุ่มคนในม็อบประกาศหลายครั้งว่า หากพ่ายแพ้ในการต่อสู้โดยอาศัยมวลชนกดดัน พวกเขาจะมุดลงใต้ดิน จัดตั้งกองกำลังหน่วยจรยุทธ์ เพื่อต่อสู้ และก็ปรากฏความเคลื่อนไหว แกนนำเสื้อแดงหลายรายหลบหนีไปอยู่ในกัมพูชา
ประเทศ เพื่อนบ้านที่ก่อนหน้านี้ผู้นำอย่าง"ฮุนเซ็น" เคยประกาศแบบไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า พร้อมต้อนรับและจัดสร้างบ้านไว้รับรองเป็นที่พักพิงคนเสื้อแดงจากประเทศไทย   ในเวลาเดียวกันกับที่ จักรภพ เปิดประเด็นทักษิณจะเปลี่ยนวิธีการสู้ และพูดถึงเงินทุนต่างชาติที่พร้อมสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ก็กำลังมีข้อพิพาทกรณีกัมพูชาเดินเกมผลักดันแผนพัฒนาปราสาทพระวิหารเป็นมรดก โลก ในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก  ข้อพิพาทระหว่างประเทศ ที่กำลังลุกลามบานปลายกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดน และสุ่มเสี่ยงจะเกิดสงครามใหญ่ ย่อมเป็นที่สงสัยว่า "ทักษิณ"จะหันมาเปิดศึกด้านนี้ร่วมกับเขมร ขณะเดียวกันก็น่าสงสัยว่า "ทุนต่างชาติ"หนุน "ม็อบเสื้อแดง"มาจากกัมพูชา
แน่นอนข้อมูลดังกล่าวเป็นไปในทางเดียวกับข่าวที่มีต่อเนื่อง ประเทศเพื่อนบ้านของเรารู้เห็นเป็นใจกับแผนร้ายของนักโทษหนีคดี ทั้งเปิดประเทศต้อนรับ ตั้งเป็นที่ปรึกษา ประกาศช่วยลูกน้องทักษิณ รวมทั้งแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และประกาศตัวเป็นศัตรูกับประเทศไทย
ไม่เท่านั้นการข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเรื่องอาวุธสงครามที่ใช้ในการก่อเหตุช่วงการชุมนุม ม็อบเสื้อแดง เล็ดรอดมาจากชายแดนเพื่อนบ้าน ที่หนึ่งในนั้นคืออาวุธที่มาจากฝั่งกัมพูชา ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่ประเมินกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ทักษิณ ใช้ทุกรูปแบบวิธีการเพื่อโค่นล้มทุกอำนาจ ทุกองค์กร ทุกสถาบันที่ขัดขวางการกลับสู่ประเทศ ลบล้างคดีความและคืนสู่อำนาจ
โดยที่ควบคู่กับแนวรบด้านมวลชน คือยุทธศาสตร์ "คีมยักษ"ใช้โลกล้อมประเทศ และแผนดึงเพื่อนบ้านมาร่วมถล่มประเทศไทย
ถามว่าถ้าข้อสงสัยเรื่องฮุนเซ็นสมคบคิดทักษิณ ป่วนประเทศ ล้มรัฐบาลไทย เป็นจริง ทางกัมพูชาจะได้อะไร ก็ต้องบอกว่า จากกรณีตัวอย่าง ปมความขัดแย้งในการเดินเกมผลักดันปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก สะท้อนผลประโยชน์แลกเปลี่ยนทักษิณ-ฮุนเซ็นเด่นชัด เพราะมีการพูดถึงข้อตกลงลับ ในการยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนระหว่างอดีตผู้นำขี้โกงจากไทย และผู้นำเผด็จการเขมร เกี่ยวกับการยกดินแดนแลกเปลี่ยน นอกจากฝั่งแผ่นดินที่ไทยสุ่มเสี่ยงต้องสูญเสียในกรณีปัญหาเส้นเขตแดนหากขึ้น ทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก  ยังมีกรณีดินแดนทางทะเลอ่าวไทย พื้นที่ระหว่างชายฝั่งของสองประเทศที่ว่ากันว่ามีขุมทรัพย์พลังงาน ทั้งก๊าซ น้ำมัน ปริมาณมหาศาล อยู่ใต้ผืนน้ำแห่งนี้ ขุมทรัพย์ที่อาจเป็นเงื่อนไขงามๆในการขอรับการสนับสนุนจากกัมพูชาในการ เคลื่อนไหวปั่นป่วนในไทย
โดยหากทักษิณได้กลับมาครอบครองอำนาจอีกครั้ง ขุมทรัพย์นี้ย่อมเฉลี่ยแบ่งปันไปตามความพอใจของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะความพอใจของ"ฮุนเซ็น"ในสัดส่วนที่มากพอ ที่จะตัดสินใจเลือกแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับ"บุคคล"มากกว่า"ประเทศ" และ แน่นอนกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย และ เขมรจากประเด็นการเสนอแผนพัฒนาปราสาทพระวิหาร ต่อคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ที่ประเทศบราซิล ซึ่งจบลงโดยยังไร้ข้อยุติด้วยการเลื่อนการตัดสินไปในการประชุมปีหน้า อนุมานว่า"ทักษิณ"มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยแน่ เนื่องจากถ้อยแถลงในเว็บไซต์ส่วนตัวของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของทักษิณ ที่โจมตีรัฐบาลไทยว่าเป็น "อันธพาล" ไม่เคารพกติกาสากลและเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาทางการเมืองด้วยการสร้างเรื่องโกหกให้เกิด สงครามเทียมกับกัมพูชา  ทนายฝรั่งลูกจ้างของทักษิณกำลังเดินเกมช่วยประเทศเขมรร่วมถล่มไทยอย่างเปิดเผย ควบคู่ไปอีกแนวทางการต่อสู้ของทักษิณที่จะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบ"รบใต้ดิน" ที่ประเมินได้ว่าจะมีต่างชาติให้การสนับสนุน โดยต่างชาติที่ต้องสงสัยหนีไม่พ้นกัมพูชา
วันนี้จึงค่อนข้างชัดแล้วว่า "ทักษิณ" ได้จับมือ "ฮุนเซ็น"เตรียมประกาศสงครามกับประเทศไทย เปิดสมรภูมิแนวรบสงครามทุกรูปแบบ บนเงื่อนไข"ผลประโยชน์ต่างตอบแทน"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา---k-นกหวีด....ผู้จัดการออนไลน์