26.12.11

ฉายาสภา54



ฉายาสภา54 กระดองปูแดง ปูดาวดับ มาร์คหล่อดีเลย์ ปธ.สภาค้อนปลอมตราดูไบ


สื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ตั้งฉายาประจำปีให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยขอยืนยันว่าการตั้งฉายาดังกล่าวได้ใช้เหตุผล ความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย และซึ่งการพิจารณาทั้งหมดได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชน ประจำรัฐสภา โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้

1.เหตุการณ์แห่งปี : องค์ประชุมรัฐสภาล่มวันแถลงนโยบายของรัฐบาล
เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นกลางดึกเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแถลงนโยบายของรัฐสภาต่อที่ประชุมรัฐสภา สืบเนื่องมาจากการที่ส.ส.ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์จนนำมาสู่การประท้วงอย่างวุ่นวายส่งผลให้ต้องพักการ ประชุมนานถึง 40นาที ต่อมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา สั่งให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้งก่อนลงมติว่าจะปิดการอภิปรายตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เสนอหรือไม่ โดยครั้งสุดท้ายมีองค์ประชุมเพียง 314 ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจำนวน 325 เสียง จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 23.27น.และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค.
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรงของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะก่อนที่รัฐบาลจะ สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้โดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญต้องผ่านการแถลงนโยบาย ต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงในรัฐสภามากถึง 300 เสียงแต่กลับไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้


2.วาทะแห่งปี : “คำวินิจฉัยประธาน ถือเป็นที่สิ้นสุดจะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
มาจากคำพูดของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกรณีการทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อ วินิจฉัยในประเด็นที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหา กษัตริย์ ระหว่างนั้นเหตุการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียดจนท้ายที่สุดนายสมศักดิ์ใช้อำนาจ วินิจฉัยด้วยด้วยคำพูดว่า…
“ผมฟังอยู่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นครับ ท่านครับ ท่านสมาชิกครับ ผมขออนุญาตนิดเดียวครับข้อบังคับที่พวกเราร่างขึ้นมาเป็นกติกาให้อำนาจ ประธานเป็นผู้วินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นเด็ดขาด ส่วนผิดหรือถูกอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมถือว่าผมวินิจฉัยแล้วต้องเป็นเด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้นมันจบไม่ได้ครับ” (รายงานการประชุมรัฐสภาสามัญทั่วไปครั้งที่วันที่ 23-24ส.ค.2554 หน้า 740)


3.ฉายาสภาผู้แทนราษฎร: กระดองปูแดง
การ เลือกตั้งส.ส.เมื่อเดือนก.ค.2554 ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯรวมทั้งมีแกนนำกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง เข้ามาดำรงตำแหน่งส.ส.มากกว่า 20 คน แต่การทำงานของสภาฯภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยกลับให้ความสำคัญกับ การปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอีกสถานะหนึ่ง คือ น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
โดยทุกครั้งในการประชุมสภาฯหรือรัฐสภาหากมีการพาดพิงถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัวชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากลุกขึ้นตอบโต้อย่างดุเดือดจนการประชุมสภาฯต้องหยุด ชะงักหลายครั้ง


4.ฉายาวุฒิสภา : สังคโลก
บทบาทของวุฒิสภาในช่วงที่ผ่านมาสังคมต่างให้ความเชื่อมั่น พร้อมกับคาดหวังไว้สูงว่าจะปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเพื่อกำกับและดูแล การทำงานของสภาฯและกลั่นกรองกฎหมาย แต่การทำงานในรอบปีที่ผ่านมาวุฒิสภากลับไม่มีบทบาทเป็นที่ประจักษ์ ทั้งที่ล้วนมาจากบุคคลที่มีความอาวุโส มากประสบการณ์จากหลากหลายสาขาอาชีพ เปรียบเสมือนเครื่องสังคโลก วัตถุโบราณที่มีคุณค่าาในตัวเองทุกล้วนต้องการเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้เป็น เจ้าของ แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้จริงเพราะมีคุณค่าเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น


5.ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร (สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) : ค้อนปลอม ตราดูไบ
เดิม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้รับฉายาว่า “ขุนค้อน” เมื่อครั้งเป็นรองประธานสภาฯเมื่อปี2540 เพราะได้ใช้ค้อนทุบลงบัลลังก์เพื่อแสดงความเด็ดขาดในการควบคุมการประชุม และก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯนายสมศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าไปเสนอตัวจนได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯ สมใจ เมื่อได้มาทำหน้าที่ควบคุมการประชุมก็ถูกโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เป็นกลาง ที่เอื้อต่อพรรคเพื่อไทยทั้งในเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการอภิปรายทั่ว ไปเรื่องปัญหาน้ำท่วม กระทั่งถูกกล่าวหาขั้นรุนแรงว่ารับใบสั่งจากนายใหญ่ดูไบ ทำให้ภาพของขุนค้อนผู้หนักแน่น เด็ดขาด เป็นกลางตกต่ำลง จึงเป็นที่มาของฉายา “ค้อนปลอม ตราดูไบ” ในที่สุด


6.ฉายาประธานวุฒิสภา (พล.อ.ธีรเดช มีเพียร) : นายพลถนัดชิ่ง
พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหลังจากได้รับการสรรหาเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่าน มา แต่นับเป็นบุคคลที่สังคมให้การจับตาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยผ่านตำแหน่งสำคัญทั้งในกองทัพและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมา แล้ว อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่จากบทบาทที่ผ่านมาพล.อ.ธีรเดช ไม่ได้แสดงบทบาทตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา   ไม่เพียงเท่านี้ยังยังเลี่ยงตอบคำถามเพื่อแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ต่างๆ มักอ้างว่า “ผมจำไม่ได้”, “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ต้องไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง” เหมือนชิ่งตัวเองออกจากปัญหา ทั้งที่ควรจะแสดงบทบาทให้เข้มแข็งและเด็ดขาดสมกับเป็นอดีตนายพลในกองทัพ


7.ดาวเด่น: รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์
การทำงานของน.ส.รังสิมา นับตั้งแต่เป็นสส.มีความเสมอต้นเสมอปลายโดยเฉพาะการสวมบทมือปราบสส.นอกแถว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การเปิดโปงส.ส.ที่ชอบเสียบบัตรแสดงตนแทนกัน การขอให้ประธานสภาฯควบคุมการประชุมให้มีความเป็นกลาง หรือแม้กระทั่งขอความร่วมมือส.ส.ไม่ให้ประชุมคณะกรรมาธิการในช่วงวันพุธหรือ วันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันประชุมสภาฯเพราะมีผลให้องค์ประชุมสภาฯเสี่ยงต่อการ ล่มหลายครั้ง บทบาทเหล่านี้น.ส.รังสิมาได้ประพฤติปฏิบัติมาตลอดโดยไม่คำนึงถึงว่าช่วงเวลา นั้นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล


8.ดาวดับ: ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร หนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตัดขาดกับงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงท่าทีถึงการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มี อำนาจหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อร่วมนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่างๆ สร้างความหวังให้กับสังคมไม่ต่างอะไรกับการเป็นดาวเด่นในทางการเมืองภายหลัง ประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจของครอบครัวชินวัตร
สำหรับพฤติกรรมที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงออกจนนำมาซึ่งคำครหาว่า “หนีสภา” หลายต่อหลายครั้ง เช่น การไม่แสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้ามาไกล่เกลี่ยระหว่างส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและ ฝ่ายค้าน ซึ่งต่างกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้พยายามจะเข้ามาเป็นตัวกลาง สร้างความประนีประนอมให้กับทั้ง2ฝ่ายเพื่อให้งานสภาฯเดินหน้าไปได้ หรือ การมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือรองนายกฯเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนการตอบด้วยตัว เองหลายครั้งท่ามกลางข้อสงสัยว่าเป็นการมอบหมายให้บุคคลอื่นชี้แจงแทนมาก เกินความจำเป็นหรือไม่ ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับตำแหน่งดาวดับไปโดยปริยาย


9.คู่กัดแห่งปี: อรรถพร พลบุตร vs จตุพร พรหมพันธุ์
การประชุมสภาฯมีหลายครั้งที่เกิดวิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่าง กรรมต่างวาระและต่างคู่กรณี แต่การฟาดฟันระหว่างนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องยกให้เป็นมวยคู่เอกทุกครั้งไป เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ทั้ง2คนนี้เชือดเฉือนคำพูดกันได้เป็นชนวนก่อให้ เกิดเหตุประท้วงกันแบบบานปลายระหว่างส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งส่วนใหญ่ประเด็นที่ทั้ง2คน มักจะโต้คารมกัน คือ การพาดพิงถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


10.คนดีศรีสภา: งดการเสนอชื่อบุคคล
สำหรับตำแหน่งคนดีศรีสภาสื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันยังไม่มี บุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับตำแหน่งดังกล่าว ถึงแม้จะมีส.ส.และส.ว.หลายคนแสดงบทบาทการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแก้ไขปัญหา ให้กับประชาชนโดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม หรือ การแสดงออกผ่านการร่วมประชุมรัฐสภาในวาระต่างๆ แต่ทว่ายังไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดแสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างเห็น ได้ชัด สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจึงความเห็นร่วมกันของดการมอบตำแหน่งคนศรีสภาประจำ ปี2554ออกไป


11.ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) : หล่อดีเลย์
ด้วยบทบาทการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯหลังจากแพ้การเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกฯอีกสมัยไม่ สำเร็จ แม้จะพยายามทำหน้าที่ชี้แนะตรวจสอบรัฐบาลถึงปัญหาน้ำท่วม นโยบายด้านต่างๆ รวมถึงการเสนอทางออกเพื่อความปรองดอง แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้เต็มปาก เนื่องจากถูกย้อนศรจากส.ส.พรรคเพื่อไทยในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ หรือ การเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมจนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ในตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง จึงถูกวิจารณ์ว่าเหตุใดไม่แก้ปัญหาอย่างที่ได้พูดเอาไว้ตั้งแต่เป็นนายกฯ กลายเป็นที่มาของ“หล่อดีเลย์”  

ที่มา  thanonline



8.12.11

แกนโลกสลับขั้ว...เริ่มวิกฤติ "น้ำท่วมโลก"

ช่วงนี้สมาชิกผู้เชื่อมั่นคำพยากรณ์ "วันน้ำท่วมโลก 2012" ต่างอยู่กันไม่เป็นสุข เพราะต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดูเหตุการณ์พายุน้ำฝน น้ำป่า น้ำทะเล ไหลท่วมทะลักเข้าประเทศไทยทุกสารทิศ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สอดคล้องกับคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญอย่าง นายวีระ วงศ์แสงนาค ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทานประเมินว่า น้ำท่วมไทยปี 2554 ถือว่าเลวร้ายสุด และทำลายสถิติอุทกภัยที่เคยบันทึกมาทั้งหมด !!


 "ปกติแล้วกรมชลประทานจะใช้ตัวเลขปริมาณน้ำเมื่อปี 2538 และปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่น้ำท่วมมากสุดเป็นมาตรฐานวัดสถิติน้ำท่วม โดยระดับน้ำสูงสุดจากระดับน้ำทะเลปานกลางของปี 2538 บริเวณ จ.ปทุมธานี อยู่ที่ 3.17 เมตร แต่ปี 2554 สูงถึง 3.21 เมตร ส่วนระดับน้ำที่ จ.นนทบุรี ปี 2538 สูงที่ 2.33 เมตร แต่ปีนี้พุ่งสูงสุดที่ 2.56 เมตร..." นายวีระ ยกตัวอย่าง


จนถึงวันนี้...ยังไม่มีใครวิเคราะห์ได้ว่า น้ำจะท่วมเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเท่าไร !?!
       
หลายคนไม่เชื่อว่าคำพยากรณ์น้ำท่วมโลกจะเป็นเรื่องจริง อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังแปลกใจเมื่อเห็นสถิติพายุมรสุมในแต่ละปีมี จำนวนมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางคนเชื่อว่าเกิดจากภาวะภูมิอากาศแปรปรวน หรือ ภาวะโลกร้อน แต่หลายคนเชื่อว่ามหันตภัยน้ำท่วมปีนี้ คือ จุดเริ่มต้นของน้ำท่วมโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555 
        
กลุ่มผู้เชื่อใน "วันน้ำท่วมโลก" อ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ว่า 1.ธารน้ำแข็งบริเวณหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือกำลังละลาย ด้วยพื้นที่กว่า 2.2 ล้าน ตร.กม. มีน้ำแข็งกว่า 19 ร้อยล้านตัน น้ำแข็งกำลังละลายเป็นน้ำวันละ 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012 ขณะที่คำทำนายจากกลุ่มนักวิจัยอวกาศอ้างว่า องค์การนาซา หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณได้ว่า "วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" หมายถึง ขั้วโลกเหนือจะพลิกมาอยู่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังสนามแม่เหล็กออกมาป้องกันรังสีต่างๆ ทำให้พลังความร้อนสูง หรือ "เปลวสุริยะ" (solar flare) จากดวงอาทิตย์พุ่งตรงมายังโลก ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน เกิดหายนะน้ำท่วมทั่วโลก





สำหรับนักวิทยาศาสตร์ไทยกลุ่มที่ไม่ปักใจเชื่อเรื่องน้ำท่วมโลกนั้น พวกเขาวิเคราะห์ว่า น้ำท่วมประเทศไทยหนักขึ้นทุกปี เพราะแผ่นดินทรุดตัวและมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขวางทางน้ำ ไหล "ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ข้อมูลว่า จากงานวิจัยเรื่อง "ผลกระทบและแนวทางการปรับตัวจากผลพวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อ กรุงเทพฯ และปริมณฑล" พบว่า ปกติพื้นที่กรุงเทพฯ รับปริมาณน้ำฝนไหลผ่านได้ไม่เกิน 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ปี 2554 มีน้ำไหลผ่าน 4,700 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้น้ำท่วมหนัก
        
สาเหตุหลักเกิดจาก 1.พื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยหายไปปีละประมาณ 10 เมตร และพื้นดินเป็นดินอ่อนมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา อีก 40 ปีข้างหน้าจะทรุดต่ำลงไปอีกประมาณ 30 ซม.ทำให้น้ำท่วมง่าย และ 2. ผลจากภาวะโลกร้อนเมื่อน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นการระบายน้ำจึงไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ตามแนวชายฝั่งมักจะมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้าง ขวางทางน้ำไหล ทำให้ไม่มีช่องทางระบายน้ำออก




"องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (โออีซีดี)ใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์น้ำท่วมในอนาคต มีผลยืนยันได้ว่าอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ. 2563 จะเกิดน้ำท่วม 9 เมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย คือ 1.เมืองโกลกาตา
2.เมืองมุมไบ อินเดีย
3.เมืองดักกา บังกลาเทศ
4.มณฑลกวางสี จีน
5.เมืองเซี่ยงไฮ้ จีน
6.นครโฮจิมินห์ เวียดนาม
7.เมืองไฮฟอง เวียดนาม
8.เมืองย่างกุ้ง พม่า และ
9.กรุงเทพมหานคร

ตอนแรกคาดกันว่าน้ำจะเริ่มท่วมประมาณปี 2560 2561 2562 แต่ไม่รู้ว่า 2554 คือจุดเริ่มต้นหรือเปล่า วิธีแก้คือต้องปล่อยให้น้ำไหลไปตามทางธรรมชาติ อย่าสร้างสิ่งกีดขวาง" ดร.เสรีกล่าวแนะนำทิ้งท้าย

        

 "สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา ให้สัมภาษณ์ว่า น้ำท่วมไทยปีนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมีการเตือนภัยมานานกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากระหว่างที่แกนโลกเคลื่อนตัวพลิกกลับขั้วจากเหนือไปใต้นั้น ส่งผลให้พลังสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง แกนโลกเอียงจาก 23.5 องศาเป็น 24.5 องศา ภาวะแปรปรวนของจักรวาลทำให้โลกร้อนระอุอย่างรวดเร็ว น้ำแข็งจากทั่วโลกละลายเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเกิดพายุลมมรสุมและภัยธรรมชาติด้านต่างๆ

 "เปรียบเทียบได้กับไฟฟ้าลัดวงจร ปกติไฟฟ้าจะวิ่งจากสูงลงต่ำ แต่พลิกกลับด้านเป็นวิ่งจากต่ำขึ้นสูง ภัยพิบัติธรรมชาติจะมีทั้ง ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ สังเกตไหมว่าช่วงปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเรื่องดินถล่ม โคลนถล่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก จากนั้นก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิและน้ำท่วมในประเทศต่างๆ ต่อไปจะเกิดภัยธรรมชาติที่เกี่ยวกับลม เช่น พายุลมที่ปกติความเร็ว 40 กม.ต่อชม. จะเพิ่มเป็น 450 กม.ต่อชม. จากนั้นจะเกิดเป็นไฟป่าทั่วไป หน้าร้อนจะร้อนมากขึ้น" อ.สุมิตร กล่าววิเคราะห์


ที่มา--Sp-Report/oknation.net



2.11.11

นายทักษิณ ชินวัตร ติดทำเนียบ 5 อันดับผู้นำเลวที่สุดในโลก! จากข่าววอชิงตันโพสต์

 

     กระฉ่อนโลก แม้ว เลวติดท็อปไฟว์ วอชิงชัตโพสต์โดย Joshua E.Keating แฉพฤติกรรมผู้นำ 5 ประเทศ ที่เป็น "ตัวอย่างที่เลว" ใช้อำนาจในทางมิชอบและละเมิดสิทธิมนุษยชน เผยทักษิณได้หนังสือเดินทางแบบผิดกฎหมาย พร้อมโยงเสื้อแดงม็อบติดอาวุธ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2011 เว็บไซต์ www.foreignpolicy.com ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้เผยแพร่บทความชื่อ "ตัวอย่างที่เลว" เขียนโดย Joshua E.Keating มีเนื้อหาสรุปพฤติกรรมของผู้นำจาก 5 ประเทศ ที่เป็นตัวอย่างไม่ดีในการบริหารประเทศ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย อยู่ในอันดับที่ 5

       เนื้อหาใน เว็บไซต์นี้ยังตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารชื่อ foreignpolicy ซึ่งนอกจากจะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษแล้ว ยังพิมพ์เป็นภาษา อาระบิค บุลกาเรีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น โปรตุเกส เกาหลี และสเปน ด้วย โดยนิตยสารฉบับดังกล่าวเคยได้รับรางวัล WINNER OF THE NATIONAL MAGAZINE AWARD FOR GENERAL EXCELLENT ในปี 2003 ,2007 และ 2009 รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ในปี 2005 และ 2006 ด้วย ขณะที่เว็บไซต์ www.foreignpolicy.com ก็เคยได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในนักเขียนของนิตยสาร foreignpolicy ยังเคยได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย โดยนิตยสาร foreignpolicy เป็นที่นิยมอ่านในหมู่ผู้นำที่ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจและการเมืองมากกว่า 160 ประเทศ

       สำหรับคำแปลจากเวบไซต์มีสาระสำคัญดังนี้

       "อดีต ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่อุทิศชีวิตเพื่อสร้างความ แตกต่างที่ดีให้กับโลก หรืออย่างน้อยก็ลดบทบาทหายไป นี่คือห้าอดีตผู้นำที่ไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง...

       อันดับที่ 5.ทักษิณ ชินวัตร

       อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีไทย ปี 2001-2006

       ภาพลักษณ์ใหม่ : นับตั้งแต่ถูกออกจากตำแหน่งในการรัฐประหารเมื่อปี2006 ท่ามกลางคำกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและการละเมิดสิทธิ มนุษยชน ทักษิณใช้ชีวิตอยู่ด้วยการเดินทางไปมา อดีตนักธุรกิจมหาเศรษฐีพันล้านได้ทำหน้าที่เป็น "ทูตพิเศษ " ให้กับนิคารากัว และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ

       มีรายงานว่าทักษิณอาศัยอยู่ในเยอรมนีโดยใช้ชื่อปลอมเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี และใช้หนังสือเดินทางที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากประเทศต่างๆ ขณะนี้ทักษิณอาศัยอยู่ที่ดูไบ

       ในปีนี้ผู้สนับสนุนทักษิณ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง” ได้ครอบครองพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และบุกตึกสถานที่ราชการทั่วประเทศ เพื่อพยายามบังคับรัฐบาลให้ลงจากตำแหน่ง ประมาณ 90 คนถูกฆ่าเสียชีวิตในการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่มักจะติดอาวุธและ ตำรวจ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดยิง ศาลไทยได้พิจารณาข้อหาทักษิณ กรณีบทบาทของเขาในการปลุกระดมการประท้วง โดยทักษิณ ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี

       แม้ว่าทักษิณจะ ให้เสียงสนับสนุนเสื้อแดง -- เขาเคยโทรศัพท์ เข้ามายังที่ชุมนุมประท้วงครั้งหนึ่ง และสัญญาที่จะ "ทำให้คนไทยทุกคนรวย" ถ้าผู้สนับสนุนของเขาสามารถได้รับอำนาจทางการเมืองกลับคืนมา -- แต่เขาปฏิเสธว่า ไม่ได้ให้เงินสนับสนุนความพยายามของกลุ่มผู้ชุมนุม ทักษิณยังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตเพิ่มเติมตั้งแต่ได้หลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เขายังคงยืนยันว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง

       ตั้งแต่เสื้อแดงพ่ายแพ้ ทักษิณได้ลดการปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ และลดกิจกรรมทางการเมือง เมื่อเดือนสิงหาคม ทักษิณได้ยอมสละตำแหน่งในรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศลง

       ส่วน 4 คนที่เหลือมีดังนี้ อันดับ 
       1.นาย GERHARD SCHRODER

       อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ปี 1998-2005

       ภาพ ลักษณ์ใหม่ : ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Schroder สนับสนุนรัสเซียมาโดยตลอด โดยปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์สิทธิมนุษยชนในรัสเซีย และกล่าวถึง Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซียในขณะนั้นว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่ไม่มีที่ติ แต่สาธารณชนเยอรมันยังคงตกใจกับการกระทำสุดท้ายของเขา

       ไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง Schroder ช่วยจัดหาเงินกู้จำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐที่ผูกขาดธุรกิจน้ำมันของรัสเซีย และDmitry Medvedev ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบันเคยเป็นผู้บริหารในอดีต

       เมื่อลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Schroder ได้รับตำแหน่งประธานโครงการท่อก๊าซ Nord Stream ของ Gazprom ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และจะทำให้เยอรมนีต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวได้รับการตกลงขณะที่ Schroder ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

       การกระทำของ Schroder กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองที่สำคัญในประเทศเยอรมนี โดยประชาชนต่างสงสัยในเหตุผลที่ทำให้ Schroder กระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งที่จะเจรจาความตกลงโครงการท่อก๊าซดังกล่าวตั้งแต่ แรก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ Schroder บอกกับหนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมันฉบับหนึ่งว่า "ผมไม่เห็นว่าผมได้ทำอะไรผิด" และศาลได้บังคับใช้คำสั่งปิดปาก เพื่อป้องกันไม่ให้ Westerwelle Guido นักการเมืองคู่ต่อสู้ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สามารถวิพากษ์วิจารณ์ Schroder ได้

       เมื่อเร็วๆนี้ Schroder ได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของบริษัทย่อยในรัสเซีย TNK-BP ของบริษัท BP ซึ่งกำลังประสบปัญหา โดยเจ้าของฝ่ายชาวอังกฤษได้กล่าวหาว่า รัฐบาลรัสเซียพยายามที่จะก่อกวนเพื่อให้ออกจากประเทศ Schroder ยังคงทำตามแนวทางของรัสเซียด้านประเด็นนโยบายต่างประเทศ โดยปกป้องความน่าเชื่อถือด้านความเป็นประชาธิปไตยของ Putin และวิพากษ์วิจารณ์การรับรองความเป็นเอกราชของโคโซโว

       2.นาย JOSE MARIA AZNAR

       อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีสเปน ปี 1996-2004

       ภาพลักษณ์ใหม่ : ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งชาวสเปนไม่ลงคะแนนเลือก Aznar ภายหลังจากที่รัฐบาลของเขาพยายามที่จะโทษ ETA ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาว Basque กรณีการระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริดเมื่อปี 2004 ในขณะที่ความจริงเป็นการกระทำของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่หวังจะลงโทษสเปน สำหรับการสนับสนุนสงครามอิรัก ตั้งแต่นั้นมา Aznar ซึ่งปัจจุบันบริหารสถาบันวิชาการและเป็นคณะกรรมการบริษัท News Corp ของ Rupert Murdoch ได้สร้างความแตกต่างให้กับตนเองโดยการใช้คำพูดแบบสุดโต่งของเขา

       Aznar ได้ร่วมกับประธานาธิบดี Vaclav Klaus ของสาธารณรัฐเช็ก ในการเรียกภาวะโลกร้อนว่าเป็น “ศาสนาใหม่” และเรียกนักสิ่งแวดล้อมว่าเป็น “ผู้ถือธงของความเชื่อว่าจะเกิดโลกาวินาศจากโลกร้อน …ผู้แสวงหาเพื่อจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลโดยอ้างเหตุผลอันสูงส่ง…เช่นเดียวกับ ที่พวกคอมมิวนิสต์ได้กระทำ” (ไม่ต้องคำนึงว่าภายใต้รัฐบาลของ Azhar สเปนได้ลงนามในพิธีสารเกียวโตเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน)

       Aznar ยังได้แนะให้ชาวมุสลิมขออภัยสำหรับการครอบครองสเปนในยุคกลาง และได้เรียกความพยายามในการหารือระหว่างศาสนา / ความเชื่อว่าเป็นเรื่องโง่เง่า อีกทั้งยังกล่าวถึงการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันของสหรัฐฯ ว่าเป็น "ความแปลกครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความหายนะทางเศรษฐกิจที่คาดหมายได้”

       Aznar ยังโจมตีการรณรงค์ของรัฐบาลสเปนเพื่อต่อต้านการขับรถขณะมึนเมา -- โดยในขณะรับรางวัลจากสมาคมผู้ผลิตไวน์ นาย Aznar กล่าวว่า "ให้ผมตัดสินใจให้กับตัวเอง นี่เป็นเรื่องของเสรีภาพ ใครขอให้คุณมาขับรถให้ผม ปล่อยให้ผมดื่มไวน์ในความสงบ ผมไม่ได้ทำให้ใครต้องอยู่บนความเสี่ยง”

       เมื่อเร็ว ๆ นี้ Aznar ได้เริ่มการรณรงค์เพื่อระดมการสนับสนุนระหว่างประเทศสำหรับอิสราเอล แต่อิสราเอลอาจจะต้องการพิจารณาว่า Aznar จะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับอิสราเอลได้จริงหรือไม่

       3.OBASANJO OLESEGUN

       อาชีพเดิม : ประธานาธิบดีไนจีเรีย ปี 1999-2007

       ภาพลักษณ์ใหม่ : ผู้ที่ครั้งหนึ่งได้รับการชื่นชมว่าช่วยเหลือให้ประเทศของเขาเปลี่ยนแปลงจาก เผด็จการทหาร มาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแม้จะมีความวุ่นวายและรุนแรงบ้าง เมื่อไม่นานนี้ชื่อเสียงของ Obasanjo ต้องแปดเปื้อนจากการสอบสวนเรื่องคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้น Obasanjo ไม่เคยมีความเต็มใจที่จะลงจากตำแหน่งอย่างแท้จริง เขาพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญไนจีเรีย เพื่อให้สามารถดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สาม และเมื่อล้มเหลว เขาได้แต่งตั้ง Umaru Yar’Adua มาดำรงตำแหน่งแทนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าถูก ครอบงำ
       ชาวไนจีเรียจำนวนมากสงสัยว่า การเลือก Yar’Adua มาดำรงตำแหน่งแทน เป็นเพราะเขาถูกมองว่าอ่อนแอ และสามารถถูกครอบงำได้โดยง่ายโดยผู้ที่ภักดีต่อ Obasanjo ในรัฐบาลของเขา (อย่างไรก็ตามอิทธิพลทางการเมืองของ Obasanjo ได้ลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่เพิ่งผ่านมา)

       นอกจากการถูกโจมตีจากการเปิดเผยใหม่ๆ เรื่องคอร์รัปชันในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งรวมถึงสินบนนับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัท Halliburton ของสหรัฐฯ แล้ว Obasanjo ยังกลายเป็นผู้พัวพันในเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวที่ยุ่งเหยิง เมื่อลูกชายของเขาได้ฟ้องศาลว่า Obasanjo มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับลูกสะใภ้ของตนเอง

       เมื่อเร็วๆนี้ ผู้อาศัยในเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรียนับพันได้ประท้วงแผนการทำลาย บ้านเรือนของตนภายหลังจากที่ Obasanjo ได้เข้ามาครอบครองที่ดิน Iyabo ลูกสาวของ Obasanjo ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกของไนจีเรีย ต้องได้รับความอับอายเมื่อถูกบังคับให้ต้องยอมรับว่าได้ถอนเงินหลายพัน ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณสาธารณสุขของประเทศ เพื่อจ่ายค่าการเดินทางไปประเทศกานา

       Obasanjo ยังคงมีบทบาทอย่างสูงในการเมืองระหว่างประเทศ โดยทำหน้าที่ผู้แทนสหประชาชาติในการเจรจาสันติภาพในสาธารณรัฐประชาธิปไตย คองโก แต่แนวความคิดแบบดั้งเดิมของเขาในบางครั้งได้ทำความอับอายให้แก่สหประชาชาติ ในงานของสหประชาชาติงานหนึ่งในปีนี้ ซึ่งอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ Kofi Annan เข้าร่วมด้วย Obasanjo กล่าวถึงพวกรักร่วมเพศว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และปฏิเสธสิทธิส่วนบุคคลในเรื่องส่วนตัว โดยกล่าวด้วยว่า “คุณอยากจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับม้าหรือ”

       และ 4.JOSEPH ESTRADA

       อาชีพเดิม : ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ปี 1998-2001

       ภาพลักษณ์ใหม่ : ดาราภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ผันตัวเองมาเป็นประธานาธิบดี Joseph Estrada ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งไปในปี 2001 ภายหลังดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงครึ่งวาระ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องคอรัปชั่น Estrada ยอมรับด้วยว่าตนมีลูกนอกสมรสจำนวนหลายคน และมีรายงานว่า Estrada ตัดสินใจทางนโยบายเรื่องสำคัญๆ ด้วยความช่วยเหลือของ “คณะรัฐมนตรีเที่ยงคืน” จากเพื่อนๆ เก่าในวงเหล้า Estrada ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกง” ในปี 2007 และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ได้รับอภัยโทษหลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ โดย Gloria Macapagal Arroyo ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน ภายใต้ข้อตกลงว่าห้าม Estrada กลับเข้ามาสู่การเมืองอีกต่อไป
       แต่ Estrada ก็ไม่ได้ทำตามสัญญา และลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2010 โดย Estrada กล่าวกับ New York Times ว่า “เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และพิสูจน์ให้ผู้ที่ขับไล่ผมทราบว่าเขาเป็นฝ่ายผิด” แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความวุ่นวายทางกฎหมายครั้งใหม่ และเดือนแห่งสิ่งท้าทายในประเด็นที่ว่าเขามีความสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือก ตั้งเป็นประธานาธิบดีหรือไม่ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว Estrada ชนะคดีในที่สุด แต่ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับ Benigno “Noynoy” Aquino ลูกชายอดีตประธานาธิบดี Corazon Aquino

       ปัจจุบันเอสตราดากำลังเตรียมตัวต่อสู้กับคดีในสหรัฐอเมริกา กรณีที่บุตรสาวของนักประชาสัมพันธ์ชาวฟิลิปปินส์ผู้หนึ่งอ้างว่า Estrada มีส่วนพัวพันในการฆาตกรรมพ่อของเธอ ในปี 2001 Estrada กล่าวติดตลกกับ Philippine Daily Inquirer ในเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องเหลวไหล เขาจะได้อะไรจากผม ผมจะไปเอาเงินที่ไหนมา”

       Estrada ยังคงได้รับความนิยมในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ผู้ยากไร้ และคงยังมีอิทธิพลต่อการเมืองผ่านการควบคุมพรรคการเมืองของเขา แต่ประเทศชาติคงจะดีกว่านี้ถ้าแอ็คชั่นฮีโรผู้นี้กลับไปให้ความสนใจกับ งานภาพยนต์ของเขา.

ที่มา manageronline...http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000142506.

ข้อมูลเพิ่มเติม link ที่มา : http://www.foreignpolicy.com/articles/2010/10/01/bad_exes?page=0%2C4
Bad Exes - By Joshua E. Keating
www.foreignpolicy.com
*** หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาทำให้สังคมแตกแยกนะจ๊ะ แค่แสดงให้รู้ว่ามีข่าวที่จัดอันดับนักการเมืองที่เลวทั่วโลก 5 อันดับและทักษิณติดอันดับ 5 ของโลก เอามาแบ่งกันอ่านขำๆอย่าคิดมาก ***






26.10.11

รวมเบอร์โทรศัพท์-สายด่วน แจ้งปัญหาน้ำท่วม



          เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมาก และแม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังแล้ว ทว่าอาจยังไม่ทั่วถึงในพื้นที่บางจุด หรืออาจเกิดปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะมีคนบาดเจ็บ-เสียชีวิต, ติดอยู่ภายในบ้าน ไม่สามารถออกมาได้, ขาดแคลนน้ำ-อาหาร, ต้องการแจ้งตัดไฟในพื้นที่, หรือตรวจสอบเส้นทางการเดินทางในพื้นที่น้ำท่วม ฯลฯ

          ด้วยปัญหานานับประการที่กล่าวมานั้นทาง ทีมงานกระปุกดอทคอม จึงขอรวบรวมเบอร์โทรศัพท์สำคัญและจำเป็นในยามสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อให้ทุกท่านสามารถแจ้งไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ดังต่อไปนี้

 สายด่วนน้ำท่วม

          - สำนักนายกรัฐมนตรี โทร.1111

          - ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) สายด่วนรับแจ้ง-เตือนภัย ตลอด 24 ชั่วโมง โทร.1111 กด 5

          - ศูนย์น้ำท่วม กทม. สอบถาม ขอความช่วยเหลือ (24 ชั่วโมง) โทร.1555 หรือ 0-2248-5115

          - สายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โทร.1784

          - สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน บริการแพทย์ฉุกเฉิน และนำส่งโรงพยาบาล ฟรี โทร.1669

          - ศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม โทร.1356

          - สายด่วนกรมทางหลวง โทร.1586

          - ตำรวจทางหลวง  สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร.1193

          - ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท โทร.1146

          - สายด่วน บขส. สอบถามเส้นทางเดินรถต่างจังหวัด โทร.1490

          - สายด่วนกรมชลประทาน เช็คปริมาณน้ำขึ้น โทร.1460 หรือ 0-2669-2560

          - ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย สำนักบริหารบำรุงทาง โทร.0-2354-6551

          - สำนักงานประชาสัมพันธ์ โทร.0-2354-6530, 0-2354-6668-76 ต่อ 2014, 2031

          - สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ขอความช่วยเหลือน้ำท่วม โทร.1102

          - ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โทร.1129

          - การไฟฟ้านครหลวง โทร.1130

          - กรมสุขภาพจิต โทร.1323 

          - การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690

          - ท่าอากาศยานไทย โทร. 0-2535-1111 

          - ขอความช่วยเหลือ-พื้นที่น้ำท่วมกับไทยพีบีเอส โทร.0-2790-2111 หรือ sms มาที่ 4268822

          - ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ โทร.0-2243-6956

          - กรมการแพทย์ แจ้ง รพ.ทุกแห่ง ที่ประสบภัยน้ำท่วมหากจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วย โทร.0-2206-2952, 0-2206-2920, 0-2644-7000 ต่อ 4444

          - กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ประสบภัยส่ง SMS ขอความช่วยเหลือร้องทุกข์ได้ที่ 4567892 ฟรีทุกเครือข่าย

          - ผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม กทม. ปริมณฑลและภาคกลาง ติดต่อ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 1 โทร.02-281-5443

          - สอบถามสถานการณ์น้ำ สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี (ตลอด 24 ชั่วโมง) โทร.0-2583-4102

          - ผู้ประสบภัยทางภาคใต้ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ กองทัพภาคที่ 4 โทร 0-7538-3405, 0-7538-3253

          - ศูนย์อพยพ กทม.ฝั่งตะวันออก เขตมีนบุรี สอบถาม โทร.087-9803681 คุณเฉลิมศรี / เขตหนองจอก โทร.081-6485557 คุณดำรง (ต่อ)

          - สายด่วนแจ้งจับสัตว์พลัดหลง-จระเข้ ทั่วประเทศ โทร.1362 ตลอด 24 ชม.


  จ.นนทบุรี

          - เทศบาลบางบัวทอง โทร.0-2571-2777, 0-2571-7679

          - เทศบาลนครปากเกร็ด โทร.0-2583-7788

          - ศูนย์ป้องกันและช่วยเหลือฯ เทศบาลนนทบุรี 02-5890489 (24 ชม.) 081-555-3019 081-484-3850


  จ.ปทุมธานี

          - ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี โทร.081-701-4858, 081-825-1343

          - เทศบาลเมืองปทุมธานี โทร.0-2581-7119-21

          - เทศบาลนครรังสิต โทร.0-2567-5999,0-2567-4945,0-2567-4946


  จ.สมุทรปราการ

          - เทศบาลเมืองสมุทรปราการ โทร.0-2382-6040-2


  จ.พระนครศรีอยุธยา

          - หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตา รับแจ้งเหตุ-ช่วยเหลือชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ในพื้นที่ อ.มหาราช โทร. 081-669-9272

          - ศูนย์ประสานงานภัยพิบัติ จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.0-3533-55210

          - เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โทร.0-3525-2168 

          - เทศบาลเมืองอโยธยา โทร.0-3588-1571-3

          - อบจ.พระนครศรีอยุธยา โทร.0-3579-6447

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.0-3524-1612


  จ.เชียงใหม่

          - ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ พร้อมช่วยเหลือประชาชน โทร.053-202609

          - ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันสัตว์อันตราย สวนสัตว์เชียงใหม่ แจ้งจับ โทร.053-222-479 ( 24 ชั่วโมง)

          - ศูนย์อุทกวิทยาที่1จังหวัดเชียงใหม่ โทร.053-248925, 053-262683

  จ.น่าน

          - ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกองทัพไทยที่ ต.แงง อ.ปัว จ.น่าน โทร.054-792433

          - ศูนย์อํานวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ปี 2554 จ.น่าน ณ ศาลากลางจังหวัด โทร.054-710-232

  จ.สุราษฎร์ธานี

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร.0-7727-2132

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอเกาะสมุย โทร.0-7742-0995

          - สภาองค์กรชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สุราษฏร์ธานี" ผู้ประสานงาน นายศุภวัฒน์ กล่อมวิเศษ โทร.082-814-9381,นายประวีณ จุลภักดี โทร. 081-397-7442


  จ.นครศรีธรรมราช

          - เทศบาลนครนครศรีธรรมราช รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง โทร.199, 0-7534-8118, 0-7534-2880-3 

          - ศูนย์อำนวยการป้องกันสาธารณภัย รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-7535-8440-4

          - รพ.เทศบาลนครนครศรีฯ รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง โทร.0-7535-6438 หรือ 0-7535-6014

          - มูลนิธิประชาร่วมใจ นครศรีฯ พร้อมกู้ภัย โทร.0-7534-5599

          - ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม บริเวณอาคารกิจกรรมนักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ โทร.0-7567-4013 ต่อ 4013

          - มูลนิธิมหากุศลใต้เต็กเซี่ยงตึ๊ง โทร.0-7534-3602, ความถี่ 168.775MHz. ความถี่ 245 MHz. ช่อง 35 ตลอด 24 ชั่วโมง

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร.0-7535-6044

          - โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โทร.0-7534-0250

          - คปภ.นครศรีธรรมราช - ศูนย์รับแจ้งเหตุผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้านการประกันภัย โทร.0-7534-7322, 081-1748941

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอท่าศาลา โทร.0-7552-1180

          - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอสิชล 0-7577-1666, 0-7577-1592

  ทางหลวงจังหวัด: สอบถามเส้นทาง

          - ทางหลวงจังหวัดพิจิตร โทร.056-697-016

          - ทางหลวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร.035-241-092

          - ทางหลวงจังหวัดพิษณุโลก โทร.055-302-626

          - ทางหลวงจังหวัดสิงห์บุรี โทร.036-532-523

          - ทางหลวงจังหวัดลำปาง โทร.054-228-246

          - ทางหลวงจังหวัดลพบุรี โทร.036-411-602

          - ทางหลวงจังหวัดเชียงใหม่ โทร.053-228-246

          - ทางหลวงจังหวัดชัยนาท โทร.056-411-649

          - ทางหลวงจังหวัดอุตรดิตถ์ โทร.055-411-005

          - ทางหลวงจังหวัดอุทัยธานี โทร.056-524-542

          - ทางหลวงจังหวัดนครสวรรค์ โทร.056-221-286

          - ทางหลวงจังหวัดปราจีนบุรี โทร.037-211-098

 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นนทบุรี โทร. 0-2591-2471

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปทุมธานี โทร.0-2581-7119-21

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลพบุรี โทร.0-3641-4480-1, 0-3641-1936

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.0-3533-5798, 0-3533-5803

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครนายก โทร.0-3738-6209, 0-3738-6484

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุพรรณบุรี โทร.0-3553-6066-71

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สระบุรี โทร.0-3621-2238

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สิงห์บุรี โทร.0-3652-0041

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  จ.อ่างทอง โทร.0-3564-0022

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก โทร.0-5523-0537-8 , 0-5523-0394

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครสวรรค์ โทร.0-5625-6015

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิจิตร โทร.0-5661-5932

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัย โทร.0-5561-2415

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชัยนาท โทร.0-5641-2083

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุตรดิตถ์ โทร.0-5544-4132

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง โทร.0-5426-5072-4

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ โทร.0-5321-2626

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำพูน โทร.0-5356-2963

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตาก โทร.0-5551-5975

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี โทร.0-4531-2692,             0-4531-3003      

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เลย โทร.0-4286-1579, 0-4296-1581      

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน โทร.054-741061

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี (ตลอด 24 ชั่วโมง) โทร.0-7727-5550-1

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่ (ตลอด 24 ชั่วโมง) โทร.0-7561-2639,0-7561-2649  หรือ
0-7561-2735      

          - ศูนย์อำนวยการป้องกันสาธารณภัย จ.ชุมพร (ตลอด 24 ชั่วโมง) โทร.0-77 50-2257 หรือ 0-7750-3230       

          - ศูนย์อำนวยการป้องกันสาธารณภัย จ.พัทลุง (ตลอด 24 ชั่วโมง) โทร.0-7462-0300 และ  0-7461-1652      

          - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา โทร.0-7431-6380-2 โทรสาร  0-7431-6382  

 credit---- ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ความรู้เรื่องคลองฉบับน้ำท่วมกรุงกับ ประภัสสร เสวิกุล



ความรู้เรื่องคลองฉบับน้ำท่วมกรุงเทพฯ : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล
         บางท่านอาจจะไม่เคยทราบว่า แต่เดิมนั้นกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน กับฝั่งธนบุรี เป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำเจ้าพระยาอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีตนั้นไหลคดเคี้ยว ถ้าจะพูดให้เห็นภาพอย่างชัดเจนก็คือ ไหลมาจากทางเหนือผ่าน จ.นนทบุรี มาถึงบริเวณที่เป็นสะพานพระปิ่นเกล้าแล้วไหลไปทางตะวันตกเข้าคลองบางกอกน้อย อ้อมไปตลิ่งชัน บางระมาด แล้วจึงวกกลับมาเข้าคลองบางหลวง จากนั้นจึงไหลไปออกทะเลที่อ่าวไทย จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช จึงโปรดให้ขุดคลองลัดบางกอกขึ้นเพื่อเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา จากหน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย ถึงหน้าวัดอรุณราชวราราม ในปัจจุบัน เพื่อร่นเวลาการเดินทางระหว่างกรุงศรีอยุธยากับหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดิน และเซาะตลิ่งสองข้างจนกลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนเส้นทางเดิมก็ค่อยๆ ตื้นเขิน กลายเป็นลำคลองต่างๆ ได้แก่ คลองบางกอกน้อย คลองชักพระ คลองบางขุนศรี คลองบางเชือกหนัง คลองวัดประดู่ และคลองบางกอกใหญ่



              ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในระยะแรกการขุดคลองเป็นไปเพื่อสร้างแนวป้องกันพระนคร นอกเหนือจากคลองคูเมืองเดิม (คลองผดุงกรุงเกษม) ซึ่งมีมาแต่สมัยกรุงธนบุรี ก็มี คลองรอบกรุง (คลองบางลำพู และคลองโอ่งอ่าง) คลองหลอด ส่วนคลองมหานาคนั้นขุดขึ้นเพื่อฟื้นฟูประเพณีและจิตใจชาวเมืองซึ่งยังมีความ อาลัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองแสนแสบจากหัวหมากไปบางขนาก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารแก่กองทัพไทยในการทำสงครามกับเวียดนาม หลังการทำสนธิสัญญาเบาริ่งกับอังกฤษ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้ข้าวกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย จึงมีการขุดคลองเพื่อขยายพื้นที่เพาะปลูกและการขนส่งข้าว

              ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองเปรมประชากรขึ้น เมื่อ พ.ศ.2413 ตั้งต้นจากคลองผดุงกรุงเกษม หน้าวัดโสมนัสวิหาร ไปออกที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อความสะดวกในการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับพระนครศรีอยุธยา และขยายพื้นที่เพาะปลูก ต่อมาในปี พ.ศ.2433-2448 โปรดให้บริษัท ขุดคูคลองและนาสยาม จำกัด ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ในภาคกลางให้เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ โครงการนี้มีพื้นที่ประมาณ 8 แสน-1.5 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นครนายก พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี อันนับเป็นการพัฒนาระบบชลประทานเพื่อการเกษตรของไทย และทำให้พื้นที่ในโครงการเป็นแหล่งผลิตข้าวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั่วประเทศ ในชั้นแรกคลองนี้มีชื่อเรียกว่าคลองเจ้าสาย ตามพระนามพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ซึ่งทรงเป็นหุ้นส่วนในบริษัท หรือคลองแปดวา ตามความกว้างของคลอง ต่อมาได้พระราชทานนามว่าคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งเป็นนัดดาของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์

              ทางฝั่งธนบุรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ขุดคลองภาษีเจริญในบริเวณคลองบางกอกใหญ่และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกัน ไปเชื่อมกับแม่น้ำท่าจีนที่ดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร ความยาว 28 กิโลเมตร โดยโปรดให้พระยาภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) เจ้าภาษีฝิ่นเป็นแม่กองขุด ใช้เงินพระราชทานจากภาษีฝิ่น จำนวน 112,000 บาท และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดคลอง เมื่อปี พ.ศ.2415 สำหรับคลองมหาสวัสดิ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นก่อน เมื่อปี พ.ศ.2402 เพื่อเชื่อมแม่น้ำนครชัยศรีกับแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับเป็นเส้นทางในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ มีความยาว 28 กิโลเมตร

              ส่วนคลองทวีวัฒนา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นใน พ.ศ.2421 เป็นคลองแรกในรัชกาลเพื่อเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน เริ่มต้นจากคลองภาษีเจริญตรงรอยต่อระหว่างบางแคกับหนองแขมไปลงแม่น้ำท่าจีน ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ความยาว 35.2 กิโลเมตร

              คลองในกรุงเทพฯ ที่ขุดขึ้นโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเกษตร การคมนาคม หรือการศึกสงคราม ก็คือคลองประปา โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเมื่อปี พ.ศ.2446 ให้นำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาผลิตเป็นน้ำสะอาด โดยโปรดให้ขุดคลองประปา จากวัดสำแล จ.ปทุมธานี  มายังโรงกรองน้ำสามเสน แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2457

credit--komchadluek.net


17.10.11

ฟังกูรูนักอุตุนิยมวิทยาต่างประเทศวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย



เดวิด แชลเลนเจอร์ แห่งซีเอ็นเอ็น ได้สัมภาษณ์แบรนดอน มิลเลอร์

นักอุตุนิยมวิทยาอาวุโส เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายประเทศแถบเอเชีย ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน ทั้งนี้ มีบทสนทนาหลายตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทย มติชนออนไลน์ จึงขออนุญาตนำบางส่วนของคำถาม-คำตอบเหล่านั้นมาถ่ายทอดต่อดังนี้

ปี 2011 เป็นปีปกติ หรือว่าลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีความรุนแรงมากกว่าที่เคยเป็นมากันแน่?

ฤดูกาลของพายุเขตร้อนทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกในปีค.ศ.2011 ถือว่าเป็นปกติ ไม่ได้มีความรุนแรงสูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ เราต้องเผชิญหน้ากับพายุที่เกิดติดต่อกัน 2-3 ลูก ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุแผ่นดินถล่มในประเทศฟิลิปปินส์และฝนตกหนักในส่วนอื่นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญจริงๆ ของสถานการณ์ดังกล่าวกลับไม่ใช่ลมมรสุม หากเป็นลักษณะการเคลื่อนตัวของพายุอันเกิดจากความกดอากาศสูงเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ส่งผลให้เศษส่วนที่หลงเหลืออยู่ของพายุเหล่านั้นสามารถเคลื่อนตัวเข้าไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในระยะไกลมากยิ่งขึ้นกระทั่งเป็นการขยายขอบเขตของร่องมรสุม จนประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม มีอัตราฝนตกมากกว่าปริมาณโดยเฉลี่ย เช่น ปริมาณฝนของพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยประจำปีนี้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ตั้งแต่ 15 ไปจนถึง 25%

บางพื้นที่ในทวีปเอเชียถูกบันทึกว่ามีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป เช่น ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในปีนี้ต้องรับฝนมากกว่าปกติถึง 58% ทำไมลมมรสุมจึงก่อให้เกิดสภาพอากาศที่รุนแรงกว่าธรรมดาในปี 2011?

ลมมรสุมบางชนิดก็มีกำลังแรงกว่าลมมรสุมลูกอื่นๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ปริมาณฝนจากลมมรสุมในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีจำนวนมากขึ้นเพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบอากาศต่างๆ ในเขตร้อนกับร่องมรสุม นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่ซับซ้อนกว่านั้น คือ ร่องมรสุมอาจมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพอากาศในระบบใหญ่และภูมิอากาศที่เต็มไปด้วยความแปรปรวนอื่นๆ เช่น ปรากฏการณ์ เอลนิโญ หรือ ลานีญา ยิ่งกว่านั้น อุณหภูมิของพื้นผิวทะเลซึ่งสูงหรือต่ำกว่าปกติ ก็สามารถนำไปสู่ความผันแปรของปริมาณฝนจากลมมรสุมได้เช่นกัน นักวิทยาศาสตร์จึงต้องศึกษาว่า องค์ประกอบเหล่านี้ได้ทำงานร่วมกันอย่างไร จนก่อให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันขึ้นมา

ทั้งนี้ ลมมรสุมอาจมีกำลังแรงในพื้นที่หนึ่ง แต่กลับอ่อนกำลังลงในอีกพื้นที่ ดังเช่นสถานการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งร่องมรสุมมีกำลังแรงมากบริเวณภาคกลางของประเทศไทย แต่ในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ กลับมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป

จากสภาพทั่วไป ลมมรสุมฤดูร้อนของทวีปเอเชียได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การมีพลังทำลายล้างมากกว่าปกติ หรือว่ายังดำเนินไปตามวงจรของมัน?

ผมเชื่อว่านี่เป็นแค่วงจรปกติของลมมรสุม ซึ่งอย่างที่พูดไปข้างต้นว่า วงจรดังกล่าวขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยอันหลากหลาย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของมันกลับเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อประชากรและตัวเมืองได้เติบโตขยับขยายเคียงคู่ไปกับแม่น้ำสายสำคัญๆ อันส่งผลให้พวกเขาได้รับผลกระทบที่รุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้นในช่วงหน้ามรสุม

ทวีปเอเชียจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ในการช่วยบรรเทาผลกระทบจากปริมาณฝนที่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยปกติ?

การวางผังเมืองและกลยุทธป้องกันน้ำท่วมที่ดีกว่านี้ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่จำเป็นต้องทำ น้ำท่วมจากลมมรสุมนั้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ และน้ำจากแม่น้ำก็เอ่อนองเข้าท่วมพื้นที่ชายตลิ่งอยู่เป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนยังคงสร้างอาคารต่างๆ อยู่บนพื้นที่เปราะบางเหล่านั้น หายนภัยธรรมชาติอย่างอุทกภัยก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบ่อยครั้งขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน





ข่าวหนุ่มเเพร่เอดส์....


สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ตำรวจอังกฤษได้จับกุมหนุ่มอังกฤษวัย 38 ปี ข้อหาแพร่เชื้อเอดส์ให้สาวนับร้อย ทั้งผู้หญิงเที่ยวกลางคืนและโสเภณี เชื่อติดเชื้อมาจากไทยเมื่อ 5 ปีก่อน
หนุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์คนนี้ ชื่อนายไซมอน แม็คเคลียว วัย 38 ปีจากเมืองมิดเดิ้ลบรู ได้ตระเวนแพร่เชื้อเอดส์ให้กับหญิงสาวทั่วราชอาณาจักรโดยเจตนา รวมแล้วเป็นจำนวนนับร้อยคน หลังจากตรวจพบว่า ตัวเองติดเชื้อเอดส์เมื่อปี 2006
และได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน แต่แม็คเคลียว กลับทำในสิ่งที่สวนทางกับคำแนะนำนั้น เมื่อเขาได้ตระเวนท่องราตรีและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวมากหน้าหลายตา แถมยังไม่ป้องกันอีก ทำให้หญิงสาวหลายรายได้รับเชื้อเอดส์ไปตาม ๆ กัน
กระทั่งในที่สุด เรื่องทั้งหมดก็มาแดงขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคู่นอนของเขาคนหนึ่ง ได้ตรวจพบเชื้อเอดส์หลังจากหลับนอนและตั้งครรภ์กับเขา จึงเข้าแจ้งตำรวจในปี 2009 เพื่อดำเนินคดีเพราะเชื่อว่าเขาเจตนาแพร่เชื้อ และอาจจะยังคงตระเวนมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนอื่น ๆ ไปทั่ว
ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับกุมหนุ่มผู้แพร่เชื้อรายนี้ทันที ซึ่งจากการสอบสวนเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่า เขาเจตนาแพร่เชื้อเอดส์ให้กับหญิงสาวจริง หลังจากเขามักจะเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงก่อนปี 2005 และมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการหลายคน โดยป้องกันบ้างไม่ป้องกันบ้าง
ก่อนจะกลับมาบ้านเกิดและตรวจพบเชื้อเอดส์ในที่สุด จึงเชื่อว่าตัวเองได้รับเชื้อมาจากประเทศไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้หลังจากที่ติดเชื้อ เขาก็ยังเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย ซึ่งทางตำรวจเชื่อว่าอาจมีหญิงสาวขายบริการที่นั่นได้รับเชื้อจากเขาไปเช่น กัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลได้สั่งจำคุกหนุ่มผู้แพร่เชื้อนี้เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือนแล้ว ฐานเจตนาแพร่เชื้อเอดส์อันนำมาซึ่งความบาดเจ็บสาหัสของบุคคล
ขณะที่ทางฝ่ายสืบสวนคดีได้ประกาศหาหญิงสาวที่เคยเป็นคู่นอนของหนุ่มราย นี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อพิจารณาเพิ่มโทษ พร้อมแนะนำให้หญิงสาวทุกคนที่เคยหลับนอนกับหนุ่มรายนี้ได้เข้าตรวจเลือดด้วย
แม้ว่าจะมีการตัดสินโทษจำคุกเบื้องต้นไปแล้ว แต่หญิงสาวคู่นอนของเขาที่แจ้งความกับตำรวจ ได้เปิดเผยว่า แม้ว่าจะเป็นโชคดีที่ลูกของเธออันเกิดจากเซ็กซ์ที่ไม่ป้องกันกับเขาจะไม่ได้ รับเชื้อ แต่ศาลพิจารณาตัดสินโทษเบาไป แม็คเคลียวติดคุกเพียง 2 ปี 8 เดือนเท่านั้น แต่เธอผู้ได้รับเชื้อไปเต็ม ๆ นั้นเหมือนกับตกนรกและถูกจองจำไปทั้งชีวิตเลยทีเดียว

ข่าวโดย : ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

แล้วถ้าหลังจากที่มัีนหลุดมานี่จะทำยังไงต่อไปอ่ะ




บทความน่าอ่าน

 

ด้วยกาล-เทศะ"อย่าปลุกระดม" - เปลว สีเงิน

อืมมมม...เราจะคุยกันตรงไหนก่อนล่ะ เพราะกองทัพน้ำไหลบ่าไปทางไหน ก็แหลกราบไปทางนั้นเกือบทุกแห่ง ไล่จากนครสวรรค์ลงมาถึงอยุธยา-ปทุม ธานี ทั้งเมือง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม ทั้งสาธารณูปโภคพื้นฐาน "จมไปหมด" อย่าไปตำหนิรัฐบาลเลยครับ ทุกคนทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว แต่...ที่ดีที่สุด มันก็ได้อย่างที่เห็น-อย่างที่เป็น "เมืองบาดาล" นั่นแหละ!

ถ้าใครเครียดนักก็เปิดโทรทัศน์ช่อง ๑๑ แช่ไว้ เพราะเขาจะมี "โฆษกจำอวด" ของรัฐบาล หรือศปภ.เวียนกันออกมาพูด มาแถลง มายอวาทีนายกฯ สลับด้วยนักการเมืองมานั่งพูดถึงความสำเร็จในสงครามปราบน้ำท่วมของรัฐบาลต่างๆ นานา


ก็ว่ากันไป เป็นธรรมดาครับ เหมือนสุนัขตกน้ำ ถ้าไม่สลัดขนเอง แล้วใครจะสลัดให้มัน นี่ก็ทำนองนั้น ด้วยหวงอำนาจ แล้วกุมสภาพบริหาร-จัดการปัญหาอย่างที่เห็น-อย่างที่เป็นจะรอให้ใครที่ไหนเขามาชมล่ะ?

แต่ขออย่างได้ไหม ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือนางอะไรผมจำชื่อไม่ได้ซักที รัฐมนตรีคุมสื่อน่ะ ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคได้โฆษณาสรรพคุณพรรค-สรรพคุณรัฐบาลก็น่าจะพอแล้ว ไม่ควรขยิบตา หรือแกล้งไม่รู้ ปล่อยให้ "วิทยุชุมชน" เครือข่าย นปช.ตอกลิ่มทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนไทยและของบ้านเมืองทุกเมื่อเชื่อวัน

จะยกย่อง-เชิดชูทักษิณเป็นเทพเจ้าเหนือประเทศไทยอย่างไร ก็ว่ากันไป แต่ที่ควรต้องห้าม-ต้องปรามกันไว้บ้างตรงที่ จะช่วยไม่ให้ชาวบ้านบ่น-โทษ-ตำหนิรัฐบาลจากวิกฤติน้ำ ด้วยการบิดเบือนข่าวสาร-ข้อมูล โดยผูกเรื่อง-แต่งประเด็น

แล้วแจกบทให้บรรดาสมุนนำไปเผยแพร่ตามมวลชนด้วยช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะทางวิทยุชุมชนที่ปล่อยจนเป็นเหมือนวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ไปแล้ว เผลอๆ จะเหนือกรมประชาฯ ด้วยซ้ำ

การออกอากาศบิดเบือนใส่ไคล้ หรือการทำเป็นชาวบ้านโทรศัพท์เข้ามา พูดทำนอง...ได้ยินเขาว่า ที่เขื่อนเก็บน้ำไว้จนล้น แล้วปล่อยออกมาทีเดียวมากๆ พร้อมๆ กันจนท่วม นั่นเป็นแผนของ.....บ้าง ทหารกั๊ก ไม่ยอมออกมาช่วยจริงๆ จังๆ บ้าง

อะไรทำนองนี้ รัฐบาลปล่อยได้อย่างไร ไม่มีสิทธิ์อ้าง ไม่รู้..ไม่เห็น..ไม่ได้ยิน มันเป็นหน้าที่ต้องดูแลโดยตรง และนับแต่เพื่อไทยชนะเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล วิทยุชุมชนแต่ก่อนที่คลื่นส่งไม่สูงนัก ทุกวันนี้กลับเสียงดัง ฟังชัด หรือมีนโยบายให้เป็น "กรม นปช.สัมพันธ์" ของรัฐบาล?

แล้วระบาดไปทุกจังหวัดนะ วิทยุชุมชนบิดเบือนข่าวให้คนเสื้อแดงด้วยกันหลงเชื่อ สร้างบรรยากาศให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อให้เกลียดชังสถาบัน อย่างที่เรียกว่า "ล้างสมองชาวบ้าน" ให้เชื่อว่าประเทศนี้ ต้องทักษิณเท่านั้น

แถมยังจ้างให้ "ทนายต่างชาติ" เข้ามามีอำนาจเหนืออธิปไตยประเท
ศ ดังที่เห็นขณะนี้!?

ก็ปล่อยให้พูดกันทั้งวัน-ทั้งคืน ทั้งในกรุงเทพฯ และทุกตำบล-อำเภอ-จังหวัด ระดับรัฐบาลเป็นใบ้ ระดับท้องถิ่นก็พลอยหูหนวก-ตาบอดตามกันไปหมด!

นี่...ก็ฝากเรื่องนี้ให้ "สุมศีรษะ" คนเป็นนายกฯ ไว้อีกเรื่อง ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเข้าห้องน้ำชอบเปิดวิทยุ ตะก่อนวิทยุแดงจะดังแบบคลื่นแทรก แต่เดี๋ยวนี้ วิทยุทหาร-วิทยุกรมประชาฯ ต้องชิดซ้าย ดังแบบคลื่นแทรกวิทยุเสื้อแดงไปแล้ว

ผมฟังแล้วทุเรศ คือตอนนี้ก็เห็นกันอยู่ ชาวบ้านทุกคน ไม่มีพวกเขา หากแต่เป็นพวกเรา "คนไทยด้วยกัน" ทั้งนั้น เมื่อมีทุกข์ก็ไม่รั้งรอปันสุขไ
ปเคล้าทุกข์ ช่วยเหลือกันสุดใจขาดดิ้น

แต่รัฐมนตรีคุมสื่อกลับปล่อยให้วิทยุเสื้อแดง อันเป็นสื่อในเครือข่ายรัฐบาลนั่นแหละ เจาะไชประเทศเรื่อยไป ออกข่าวใส่ไคล้-บิดเบือน ในเรื่องที่ไม่สามารถนำมาพูดตรงนี้ได้ ทำนองตอกลิ่ม-ปลุกระดมให้เชื่อ ด้วยเกรงพวกเสื้อแดงจะกลับใจ-เลิกแดง
ด้วย "รู้แจ้ง-เห็นจริง" ในความรักบริสุทธิ์ของคนไทยด้วยกัน!

มาคุยกันถึงสถานการณ์น้ำวันนี้บ้าง นี่...บ่ายวาน (๑๖ ต.ค.) ได้ยิน ศปภ.เขาประกาศทางโทรทัศน์ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างลิงโลดว่า "น้ำก้อนใหญ่จากนครสวรรค์ผ่านกรุงเทพฯ ลงทะเลไปแล้ว" ทำนองจะบอกชาวบ้านว่า

"น้ำไม่ท่วมตัวกรุงเทพฯ แล้ว"!

ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น "น้ำไม่ท่วม" กับ "น้ำยังไม่ท่วม" ฟังเผินๆ จะเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนนะ ที่ไม่ท่วมน่ะ เพราะกองทัพน้ำหลังจากเหยียบราบจมบาดาลเรื่อยมาเป็นจังหวัดๆ แล้ว ตอนนี้กำลังโรมรันพันตูอยู่กับแนวต้านทานชานกรุงด้านตะวันออกแถวๆ คลองรังสิต ปทุมธานี

ที่ว่า "น้ำก้อนใหญ่ลงทะเลหมดแล้ว" นั้น ยังหรอกครับ ได้แปรจากทัพก้อนใหญ่ ไปเป็นก้อนเล็ก-ก้อนน้อย กระจายตามพื้นราบกำซาบอาบเอิบ หวังหาช่องซอนซอกแทรกซึมเข้า "กทม.ชั้นนอก-ชั้นใน" ให้ได้

นิคมอุตสาหกรรม ๔-๕ แห่ง นั่นคือบทพิสูจน์ฝีมือ ศปภ. และขณะนี้ยุทธการชิง "นิคมอุตสาหกรรมนวนคร" ระหว่างน้ำก้อนใหญ่ กับกองกำลังต้านรับที่เปลี่ยนจากบัญชาการ ศปภ. มาเป็นภายใต้บัญชาการของทหาร

วัดกันละครับ ใครดี-ใครได้ ถ้าน้ำเหนือกว่า ตีนวนครแตก กทม.คงต้องเสียเมืองบางส่วนให้กองทัพน้ำก้อนใหญ่ กระทั้งที่ตั้ง ศปภ.เองก็เหอะ คงต้องรับสภาพ "กองบัญชาการใหญ่ฝ่ายรัฐบาลแตก"

แต่ถ้ากองกำลังภายใต้บัญชาการทหารต้านอยู่ คงพอมีเวลาตั้งหลักถอนหายใจไปจนถึงปลายเดือน นี่ตามตารางน้ำขึ้น-น้ำลง แต่ตามตารางของผม ปลายเดือนตุลาไม่น่ากลัวเท่าปลายเดือนพฤศจิกา!?

ด้วยความจำเป็นทางบริหาร-จัดการในภาวะวิกฤติ รัฐบาลคงต้องมอบภาระให้ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์เต็มตัวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างตัวอย่างที่เห็น ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน มึงกั้น-กูรื้อ, มึงเปิด-กูปิด

ด้วยอำนาจ ศปภ.ใครก็ควบคุมและสั่งใครไม่ได้ สภาพหดหู่ทางสังคมที่มีให้เห็นคือ "ฉิบหายให้เหมือนกันหมด สะใจ-สบายดี" จึงปรากฏให้รันทด และละอาย ความแห้งของเพื่อนบ้าน คือภาพทรมานจิตใจของคนอีกฝ่ายหนึ่ง นี่แหละสภาพ "สังคมไทย" ยุคแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อทักษิณคนเดียว!

เอาละครับ...วันนี้ผมมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่หลายท่านชะเง้อคอย คือบทคุยจาก "อาจารย์กรหริศ บัวสรวง" ต้องขออภัยที่ตัดทอนบางส่วนออกไปด้วยเนื้อที่จำกัด และอีกอย่างเอาไว้ให้ท่านได้พูดคุยเองวันนั้น ดังนี้ครับ

ผมหายไปจากหน้า ๕ ของคุณเปลวนานพอสมควร ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเผชิญกับภัยพิบัติก่อนกำหนดในมหาชลาลัยอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และกรุงเทพฯ ก็หนีไม่พ้นที่จะจมน้ำ ตามกำหนดควรจะเกิดจริงแล้วจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ นับไปถึงอนาคตเป็นระยะเวลานานถึง ๕ ปี โดยจะมีเภทภัยอย่างน้อย ๕ ประการ

ผมขอบคุณผู้ที่ติดตามงานเขียน งานพูดทางโทรทัศน์และวิทยุที่เรตติงแรงมาก แต่ผมคงออกอากาศได้เพียงวันอังคารเท่านั้น และคอลัมน์คุณเปลวที่ให้กำลังใจว่าผมทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ แม้การแก้ดวงเมืองครั้งนี้จะต้องกระทบต่อผู้อื่นหรือใช้งบประมาณสูงมาก ในการพึ่งพาอาศัยใบบุญของของมหาพุทธานุภาพที่ไม่มีไสยศาสตร์เจือปน

วันนี้คงไม่เอาเนื้อที่ของคุณเปลวมาก นัก แต่วันที่ ๒๑ ตุลาคม ผมไปที่ไทยโพสต์แน่นอน อาจไปถึงช้าเพราะสอนที่สมาคมฯ เสร็จเวลาเที่ยง และหากคุณเปลวอนุญาต หลังจากฟังธรรมะจากท่าน ว.วชิรเมธี แล้ว ผมจะบรรยายร่ายเรื่องราวเล่าสู่กันฟังสดๆ อย่างกันเองว่าด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตามหลักของศาสตร์หลายแขนงที่ผมมีอยู่อย่างถึงพริกถึงขิงตามสไตล์ของผมสักครึ่งชั่วโมง และจะเปิดเผยสิ่งที่คนกว่าค่อนประเทศไม่รู้

ก็คงมีสาระและเอ็นจอยกันพอควร เพื่อตอบแทนท่านที่มาทำบุญกับผมเพราะอ่านไทยโพสต์ ในฐานะเป็นประธานชมรมปวงชนข้าแผ่นดิน ซึ่งยื่นเรื่องจัดตั้งเป็นสมาคมไว้แล้ว ในวันนั้นผมจะนำหนังสือ “สถานการณ์ภัยพิบัติของโลก” เขียนโดย ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และผม เพื่อให้ท่านได้บริจาคทำบุญเป็นปัจจัยในการเททองหล่อพระพุทธรูป "องค์แรก" องค์เดียวในบวรพระพุทธศาสนา มีศิลปะทรงเครื่องงดงามดังที่เห็นในภาพ (หากนำลงได้)

เมื่อมาอาศัยหน้าของคุณเปลวแล้ว ท่านผู้อ่านที่เชื่อถือผมคงต้องการรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ “ผู้นำ”ก็โปรดสดับดังนี้

๑.ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน เวลา ๑๒.๓๕ น.ถึง ๑๗ ธันวาคม เวลา ๐๑.๑๖ น.ผู้นำคนนี้แหละจะถูกสังคมพิพากษาจากพฤติกรรมในอดีต ทำให้อับอายขายหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียง (ซึ่งที่จริงก็ไม่มีอยู่แล้ว)และอาจเกี่ยวพันไปถึงข้อกฎหมายที่ทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่งก็อาจเป็นไปได้

๒.คนในตระกูลในครอบครัวจะเจอกับบทลงโทษจากกฎแห่งกรรม

๓.เศรษฐกิจจะพังพินาศ

๔.ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกรจะลุกฮือกันอย่างพร้อมเพรียงกัน

๕.ทหารเตรียมพร้อมไม่ระย่อห่อเหี่ยวเหมือนเดือนกันยายน-ตุลาคม ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำดวงเมืองจะเป็นดาวยงยศตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ทำมุมทแยงรูปปลายศร ๑๕๐ องศา ส่งกระแสสัมพันธ์ไปยังพระราหูที่อยู่ในเรือนของดาวอังคาร เป็นมุมหักข้อพับ ๙๐ องศา

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออังคารและพระราหูจรยังส่งแรงดันไปยังดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีเดิมของดวงเมืองด้วยมุมทแยงเช่นกัน ในขณะที่ดาวเสาร์กำลังแสดงฤทธิ์เดชเป็น “พระเสาร์เขย่าโลก” ให้โศกศัลย์จาบัลย์บรรลัยในปีแห่งพญานาค หรือนาคราช ที่จะเริ่มต้นเป็นปีมะโรงในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ คงจะเห็นภาพบ้างแล้วว่ารัฐบาลและนักการเมืองจะอยู่ได้ไม่นาน

และเรื่องของชาวไทยโพสต์ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เป็นวันที่มีรหัส ๘ ที่หมายถึง ความคิดในแนวทางแห่งปรัชญา (Philosophic though) เป็นวันที่จะบรรลุถึงวัตถุประสงค์ อันแรงกล้าต่อศาสนา การศึกษาพิสูจน์ความเร้นลับ เลข ๘ ในทางโหราศาสตร์สากล คือดาวเสาร์ ซึ่งเรียกขานว่า The Planet of Fate ที่นำมาซึ่งอุดมการณ์และประสบการณ์ บังเกิดเป็นความสำเร็จที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจนได้รับโชคชัยเป็นรางวัลแห่งชัยชนะจนเป็นสื่อสิ่งพิมพ์มีคุณค่าเหนือกว่าใคร

แล้วพบกันครับ ด้วยความขอบคุณต่อผู้ที่มีกุศลกรรมร่วมกัน

-กรหริศ บัวสรวง-

ก็ยินดีครับ แต่ยังไม่ทราบเลยว่า ศุกร์ที่ ๒๑ ตุลานี้ ฟ้าดินจะเมตตาประทานน้ำมาคลองเตยด้วยหรือไม่ แต่ถึงยังไงอาจารย์กรหริศกับผม มากันแค่ ๒ คน ก็ฉลอง ๑๕ ปี ไทยโพสต์กัน ๒ คน มิเห็นจะเป็นไร..นิ.

http://www.thaipost.net/news/171011/46709


15.10.11

อย่าลืมยกเลิกบัตรเครดิตของคุณก่อนตาย...



อย่าลืมยกเลิกบัตรเครดิตของคุณก่อนตายนะ มันสำคัญมาก
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน เพราะส่วนบริการลูกค้ามักจะเป็นเช่นนี้
นางแจ่มชัดเสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคม ปีนี้เอง
 ทางธนาคารซิตี้แบงค์ ได้ส่งใบเรียกเงินมาเก็บค่าธรรมเนียมประจำปี
ของบัตรเครดิตมาถึงเธอในเดือน กุมภาพันธ์ และมีนาคม
พร้อมทั้งเรียกเก็บค่าปรับที่เธอชำระช้าพร้อมดอกเบี้ยของยอดที่เรียกเก็บนั้น
ซึ่งในความเป็นจริง เธอไม่ได้ใช้บัตรนั้นมาตั้งแต่วันที่เธอตายแล้ว
แต่บัดนี้ยอดทั้งหมดที่เรียกเก็บ กลายเป็นจำนวนสองพันกว่าบาทเข้าไปแล้ว


ทางญาติของเธอจึงโทรศัพท์ไปยังธนาคาร
เชิญอ่านดูการโต้ตอบ:
ญาติผู้ตาย ;  ดิฉันโทร. มาแจ้งว่าคุณแจ่มชัดเสียชีวิตแล้วค่ะตั้งแต่เดือน มกราคม
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ;  ยังไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะคะ ดังนั้นค่าปรับการชำระช้า จึงต้องเรียกเก็บค่ะ
ญาติผู้ตาย ;   งั้นช่วยยกเลิกบัตรให้ดีไหมคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; แต่มันช้ามาสองเดือนแล้วนะคะ ที่เรียกเก็บไม่ได้ และธนาคารได้ออกใบเรียกเก็บไปแล้วค่ะ
ญาติผู้ตาย ; ตามปกติถ้าลูกค้าเกิดตายไป ทางธนาคารจะจัดการอย่างไรต่อคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; เรา อาจต้องแจ้งหน่วยคดีฉ้อโกง หรือไม่ก็แจ้งไปยังเครดิตบูโร(ส่วนงานที่จะคอยเก็บประวัติการมีเครดิตของคน ประเทศไทยก็มีค่ะ)หรือไม่ก็แจ้งไปทั้งสองที่ค่ะ
ญาติผู้ตาย ; แล้วยมบาลจะโกรธเธอไหมคะ ? ( ฉันชอบคำถามนี้ของตัวเองจริงๆ)
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; อะไรนะคะ ?
ญาติผู้เสียชีวิต ; นี่คุณได้ยินหรือเปล่าคะที่ดิฉันบอกว่าเธอตายไปแล้วน่ะค่ะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; รอสักครู่ค่ะ คุยกะหัวหน้าดีกว่าค่ะ
สักครู่หัวหน้ารับโทรศัพท์ไปพูดต่อ


ญาติผู้เสียชีวิต ; ดิฉันโทร.มาแจ้งให้ทราบว่า เจ้าของบัตรเสียชีวิตไปตั้งแต่เดือนมกราแล้วค่ะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ;   ยังไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะครับ ดังนั้นค่าปรับการชำระช้า จึงต้องเรียกเก็บครับ(สงสัยเป็นประโยคทีทางธนาคารมีไว้ให้ใช้ตอบกับลูกค้า)
ญาติผู้เสียชีวิต ; หมายความว่าจะต้องเรียกเก็บจากที่ดินของเธอหรือคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; ( ชักเริ่มติดอ่าง) คุณเป็นทนายความของเธอหรือครับ ?
ญาติผู้เสียชีวิต ;   เปล่าค่ะ  ดิฉันเป็นเหลนของเธอน่ะค่ะ (ทนายสอนให้บอกเช่นนี้)
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ;   กรุณาช่วยส่งแฟกซ์ มรณบัตรของเธอมาได้ไหมครับ
ญาติผู้เสียชีวิต ; ยินดีค่ะ (ทางธนาคารแจ้งเบอร์แฟกซ์) หลังจากได้รับแฟกซ์เรียบร้อย
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; ทางระบบของเราไม่ได้บอกว่าจะให้จัดการอย่างไร
ในกรณีที่ลุกค้าเสียชีวิต ผมก็ไม่ทราบจะช่วยเหลือได้อย่างไร
ญาติผู้เสียชีวิต ;  อ่อค่ะ คิดต่อไปนะคะ ถ้ายังคิดไม่ออกก็เรียกเก็บเงินเธอไปเรื่อยๆแล้วกัน
เธอคงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ;  ครับค่าปรับการชำระช้าก็ต้องเรียกเก็บต่อไปนะครับ (มันเป็นห่าอะไรของมันวะ!!!)
ญาติผู้เสียชีวิต ; ไม่ทราบต้องการที่อยู่ใหม่ขอคุณยายทวดไหมคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ;   ดีเลยครับ
ญาติผู้เสียชีวิต ;  ปากน้ำ  แม่น้ำเจ้าพระยา  สมุทรปราการค่ะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ; ขอประทานโทษครับ นั่นมันเป็นแม่น้ำนี่ครับ
ญาติผู้เสียชีวิต ;   อ้าว แล้วเวลาญาติพวกคุณตาย เอาอังคารไปลอยแถวไหนหรือคะ