สื่อนอกจัดอันดับ10 ทฤษฎี ความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิด โลกาวินาศ เว็บไซต์ เทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ รายงาน 10ทฤษฎี ความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดโลกาวินาศ โดยยกหลักฐาน พร้อมให้คะแนนความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ดังนี้
1.การบุกรุกจากมนุษย์ต่างดาวและการยึดครองจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก
เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว เป็นเรื่องที่ยังคงถกเถียงกันมาเป็นเวลานาน ยังไมีใครสามารถยืนยันได้ว่า นนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้อ้างว่า พบเห็นมนุษต่างดาว ยานอวกาศ อย่างต่อเนื่อง การบุกรุกจากมนุษย์ต่างดาวเคยเป็นเรื่องราวในนวนิยาย ไม่ว่าจะเป็นจากดาวอังคาร และดาวดวงอื่นๆ แต่ทว่า มนุษย์ก็ยังคงหวาดกลัวว่า เหตุดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจริงขึ้นมาก็ได้ อีกทั้งหลักฐานต่างๆที่พบ ยิ่งสนับสนุนทฤษฎีนี้
หลักฐาน ภาพถ่าย วีดิโอ การเคลื่อนไหวของรัฐบาลจากประเทศต่างๆที่มีการเตรียมพร้อมรับมือ และตรวจสอบยานอวกาศนานกว่า 50 ปี
2.ดาวปริศนา Nibiru (Planet X)
ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาทางพิสูจน์กันอยู่ว่า ดาวลึกลับในตำนาน มีอยู่จริงหรือไม่? และถ้ามี ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?
ดาว ดังกล่าวถูกเชื่อมโยงถึงเรื่องปรากฏการณ์วันสิ้นโลก อยู่ในกาแลกซี่เดียวกับโลกของเรา มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru) เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ มีความเป็นไปได้ที่มันจะโคจรมาทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลก นั่นแสดงว่า มันมีสิทธิชนโลกได้ คาดว่าในปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ เพราะมันโคจรใกล้กับโลกของเราเต็มที
หลักฐาน องค์การนาซ่า (NASA)ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในปี ค.ศ.2005 แต่ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยน้อยมาก และยังไม่แน่นพอ
3.ภัยพิบัติจากดวงอาทิตย์
ตามปฏิทินของชาวมายัน โดยอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าดวงอาทิตย์จะนำโลกไปสู่หายนะในปี 2012 การขับแก๊ส และการปะทุของดวงไฟขนาดใหญ่ สร้างความเสียหายแก่มวลมนุษย์ และระบบนิเวศในโลกจนสิ้น หลักฐานปฏิทินของชาวมายันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับทฤษฎีนี้ เนื่องจากมีการสังเกตวงโคจรของดวงอาทิตย์กว่า 11 ปี
หลักฐานค่อนข้างอ่อน แต่แสงจากดวงอาทิตย์ ก็สามารถสร้างปัญหาให้กับมนุษย์ได้ เช่น ระบบดาวเทียม การเดินทางของนักบินอวกาศ หากในอนาคต ดวงอาทิตย์หมดเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน นักวิทยาศาตร์ต่างเชื่อว่า ดวงอาทิตย์จะขยายตัวเป็นเชื้อเพลิงสีแดงขนาดใหญ่ เขมือบโลกจนวินาศ
4.การเปลี่ยนขั้วของสนามแม่เหล็ก
สนามแม่เหล็กหลักที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระแสการไหลอันรุนแรงของเหล็กที่หลอม เหลวของ แกนรอบนอกของโลกนั้น บางครั้งจะกลับทิศทางของมัน ด้วยเหตุนี้เข็มของเข็มทิศจะชี้ไปทางใต้แทนที่จะชี้ไปทางเหนือ การกลับหัวของขั้วเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นนับร้อยครั้งที่ช่วงระยะเวลาไม่แน่นอนในประวัติศาสตร์ของโลก ครั้งล่าสุดก็ประมาณ 780,000 ปีก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์นั้นก็ยังพยายามที่จะศึกษาว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมมันถึงได้เกิดขึ้น
เหตุนี้เองเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ถูกเชื่อว่า จะเป็นสาเหตุให้การหมุนของโลกปั่นป่วน เกิดความหายนะตามมา
หลักฐานนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Princeton และ Paul Sabatier ประเทศฝรั่งเศส ชี้ให้เห็นว่า โลกของเรามีการหมุนตัวกลับทิศด้วยตัวมันเองมานานกว่า 800 ล้านปี นอกจากนี้ยังมุ่งความสนใจไปยังหินที่บรรจุหลักฐานของจำนวนครั้งที่สนามแม่ เหล็กหลัก เหนือใต้นั้นได้อ่อนกำลังลง ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าขั้วแม่เหล็กนั้นอาจจะกลับทิศทาง
5.การระเบิดภูเขาไฟครั้งร้ายแรงที่สุด
การปะทุของวันสิ้นโลก เป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า แมกม่าขนาดใหญ่จะขยายตัวภายในเปลือกโลก จนกระทั่งปะทุออกมา ผลก็คือ พื้นที่โลกมหาศาลถูกทำลายล้าง
หลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมของผิวโลกพบว่า มีการเปลี่ยนแปลง และการเคลื่อนไหวของหินหลอมละลาย 10 ไมล์ ใต้ผิวโลก
6.สงครามโลกครั้งที่สาม
การขัดประโยชน์กันเอง นำไปสู่ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือของเหล่ามวลมนุษย์ ทุกชีวิตจะล้มตาย ส่วนที่เหลือ จะได้รับความลำบากทุกข์ยาก ขาดแคลนทั้งเสบียง อาหาร น้ำดื่ม มนุษย์จะฆ่ากันเอง พื้นที่หลายส่วนจะถูกลบทิ้งออกจากแผนที่โลก บางแห่งอาจจะหายไปทั้งประชากรและแผ่นดิน สิ่งที่ไม่น่าเกิดก็จะเกิดขึ้น รวมถึงภัยพิบัติต่างๆตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ที่ผ่าน มามีการแข่งขันด้านระเบิดนิวเคลียร์จากทั้งฝ่ายตะวันตก และตะวันออก มีการสะสมอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องตลอดปี 1970 และ 1980
หลักฐาน สงคราม ระหว่างประเทศเพิ่มระดับความขัดแย้งเป็นระดับโลก อาทิ สงครามเกาหลีเหนือ-ใต้ การเตรียมความพร้อมระเบิดนิวเคลียร์ในจีน มหาอำนาจยักษ์ใหญ่
7.โลกาวินาศจากเหตุก่อการร้าย
ตั้งแต่การโจมตีก่อการร้าย ในกรุงนิวยอร์ค และวอชิงตัน สหรัฐ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นกว่า 3 พันคน กลุ่มก่อการร้ายอัลเคดาห์ และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ มีบทบาทสร้างความหวาดกลัวแก่มวลมนุษยชาติ ทั้งการสะสมอาวุธสงคราม การทำลายล้างสิ่งก่อสร้าง การปล่อยสารเคมี และการโจมตีทางชีวภาพ ทั้งอังกฤษ และสหรัฐถูกตั้งเป้าเป็นแหล่งโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย
หลักฐานบิน ลาดิน ผู้ก่อตั้งขบวนการอิสลามแนวหน้านานาชาติเพื่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อต้านชาว ยิว และพวกคริสเตียน (Interna-tional Isalamic Front for Jihad Against the Jews and Crusaders) ได้ให้สัมภาษณ์โจมตีอย่างรุนแรงถึงรัฐบาลอเมริกัน ว่าเป็นพวกโหดเหี้ยม ทำร้ายรวมถึงเข้าครอบครองพื้นที่มุสลิม โดยสนับสนุนอิสราเอล และประกาศจะให้บทเรียนที่สาสม ในวัน “ดำมืด” แก่สหรัฐอเมริกา รวมถึงพลเมืองที่ต้องรับผิดด้วย ทั้งนี้ เชื่อกันว่า กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ มีการสะสมอาวุธนิวเคลียร์จ้องสังหารอยู่
8.วิกฤติน้ำมัน
ไม่ว่าจะใช้ความพยายามเท่าใด ปริมาณน้ำมันที่ได้จากการสำรวจขุดเจาะ ก็จะลดลง แนวคิดนี้มาจากการสังเกตปริมาณน้ำมันของแต่ละบ่อที่ขุดเจาะ และเมื่อรวมถึงผลผลิตน้ำมันโดยรวม เมื่อถึงจุดที่สามารถผลิตน้ำมันที่ได้จากแหล่งปิโตรเลียมสูงสุดแล้ว หลังจากนั้น ปริมาณน้ำมันที่สำรวจขุดเจาะได้จากธรรมชาติจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะในขณะเดียวกัน ความต้องการใช้พลังงานก็จะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เข้าลักษณะอุปสงค์สูงกว่าอุปทาน ไปถึงจุด Peak Oil นั่นคือ“จุดที่ไม่มีน้ำมันเหลืออยู่” กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมทั่วโลก
หลักฐานจุดวิกฤติน้ำมันเริ่มใกล้เข้ามาทุกที แต่ยังมีคำถามอยู่ว่า
1.มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
2.โลกจะพัฒนาให้มีเชื้อเพลิงใช้เป็นทางเลือกอื่นอีกหรือไม่
9.ปรากฏการณ์ Colony Collapse Disorder (CCD) การล่มสลายของผึ้ง
ผู้เลี้ยงผึ้งในสหรัฐรวม 22 มลรัฐ พบว่าผึ้งที่เลี้ยงอยู่กว่าร้อยละ 50 หายสาบสูญไปจากรัง ปล่อยให้นางพญาและตัวอ่อนอดตายคารัง ปรากฏการณ์ CCD นี้ยังเกิดลุกลามไปยุโรป คือ โปแลนด์ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี สาเหตุที่เดากันและพยายามหาคำตอบอยู่ในเวลานี้สันนิษฐานว่า
1.เป็นเพราะผลกระทบจากมลพิษในสิ่งแวดล้อม
2.การเกิดโรคระบาด
3.การใช้ยาฆ่าแมลง
4.ผลจากการที่พืชตัดต่อพันธุกรรมเข้าไปปนเปื้อนกับธรรมชาติ
5.คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ดัง นั้น กุญแจสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์จะขาดหายไป อันเนื่องจาก วัฏจักรสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศไม่สมบูรณ์ อาหารที่ผลิตโดยผึ้งขาดแคลน อาทิ ถั่วเหลือง องุ่น แอปเปิล ทานตะวัน และอื่นๆ
หลักฐาน การสูญหายไปจากรังของผึ้ง ลุกลามไปยังพื้นที่ยุโรป
10 การล่มสลายของสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต
การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน นำไปสู่หายนะโลกาวิบัติในไม่ช้า เห็นได้จากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ผ่านมา เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น มนุษย์ ซึ่งต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อมได้รับผลกระทบโดยตรง
หลักฐานอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆปี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ที่มา---oknation,sanook.com,ความรู้ทั่วไป