30.11.12

อาการของสุขภาพขาดสมดุล




     เพื่อนๆเคยสังเกตไหมว่า ทำไมอยู่ๆเพื่อนๆ หรือสมาชิกในครอบครัวถึงรู้สึกมีอาการไม่สบายขึ้นมา มีอาการแปลกๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เจ็บป่วยเป็นโรคอะไร

+ มีความวิตกกังวล หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ควบคุมอารมณ์ตัวเองยากขึ้น

+ ปวดศีรษะ มึนงง ตึ๊บ ๆ สมองไม่โล่ง

+ ตื่นเต้น ตกใจง่ายมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

+ หลับไม่สนิท ฝันร้าย หรือในทางกลับกัน ก็หลับทั้งวัน ง่วงนอนตลอดเวลา นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

+ เบื่ออาหาร ไม่อยากรับประทานอะไร แต่บางคนก็มีอาการตรงข้ามคือ รับประทานแหลกเลยทีเดียว

+ ใจสั่น

+ หายใจไม่อิ่ม ถอนหายใจบ่อย ๆ แบบไม่รู้ตัวเอง

+ ท้องผูก หรือท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ

+ ปวดต้นคอ หรือไหล่ ปวดเมื่อยตามตัว

+ เหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียบ่อย ๆ

+ ไม่มีสมาธิ ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

+ ประจำเดือนไม่ปกติ เดี๋ยวเลื่อนเดี๋ยวเร็ว เอาแน่นอนไม่ได้

+ สมรรถภาพทางเพศลดลง

      หากเพื่อนๆมีอาการเตือนเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วหล่ะก็ทางออกก็คือ จะต้องเร่งหาวิธีคลายเครียดตัวต้นเหตุของอาการเหล่านี้โดยด่วนค่ะ ก่อนที่โรคต่าง ๆ จะถามหา ควรคิดว่าปัญหาทุกอย่างมีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้แบกนะคะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องดูแลสุขภาพ

ที่มา--sanook.com

27.11.12

พบหลักฐานใหม่ชี้ 2012 โลกไม่แตก


 


         วันนี้ใครที่กำลังหวาดกลัวเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกที่จะมาถึงในปลายปีนี้ อาจคลายความวิตกลงได้เมื่อได้ชมข่าวนี้ เมื่อล่าสุด นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ พบหลักฐานใหม่ซึ่งเชื่อว่า ชาวมายาไม่ได้ทำนายเรื่องวันโลกแตกในปีนี้แต่อย่างใด

สำหรับผู้ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นโลก โดยอ้างอิงปฏิทินโบราณของชนเผ่ามายา ในทวีปอเมริกากลางซึ่งทำนายว่า โลกของเราอาจถึงคราวดับสูญในวันที่ 22 ธันวาคม คริสตศักราช 2012 หรือในปลายปีนี้ อาจต้องเปลี่ยนความเชื่อดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากที่ล่าสุด นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ได้ค้นพบหลักฐานใหม่ เป็นภาพเขียนฝาผนังเก่าแก่ของชาวมายา ที่ชี้ว่า ปฏิทินทางจันทรคติของชาวมายาไม่ได้สิ้นสุดลงในปี 2012 แต่อย่างใด

ภาพฝาผนังดังกล่าว ซึ่งขุดพบในซากปรักหักพังที่ปกคลุมด้วยต้นไม้นานาชนิด คาดว่าเขียนขึ้นตั้งแต่คริสตศัตวรรษที่ 800 หรือกว่า 1,200 ปีก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ภาพส่วนหนึ่งเผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า วัฎจักรด้านกาลเวลาของชาวมายาไม่มีที่สิ้นสุด โดยเดือนธันวาคมปลายปีนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นวัฎจักรใหม่ของปฏิทินแบบชาวมายา หรือที่เรียกกันว่า "แบ็กทัน"

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับความเชื่อของนักโบราณคดีหลายคนที่ออกมาปฏิเสธตำนานวันสิ้นโลกในช่วงตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ระบุว่า การที่ปฏิทินของชาวมายาสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม 2012 ไม่ได้หมายความว่า โลกจะต้องดับสูญไปหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด

สำหรับซากปรักหักพังที่ค้นพบใหม่นี้ ตั้งอยู่ในอดีตอาณาจักรของชนเผ่ามายา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเมืองซุลตัน ประเทศกัวเตมาลา โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบศิลปะของชาวมายาบนฝาผนังของบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจิตกรน่าจะเป็นนักบวชผู้เชี่ยวชาญด้านตัวอักษร และการทำปฏิทิน เพื่อช่วยกษัตริย์ของชาวมายา ผูกโยงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เข้ากับปรากฏการณ์ต่างๆบนท้องฟ้า..........

credit -- news.voicetv.co.th

25.11.12

10 อันดับ ชายหาดยอดแย่ที่สุดในโลก

        ช่วงนี้เริ่มเข้าอากาศหนาวแล้วเนอะ กับบรรยากาศที่มีแสงแดดอุ่นๆในยามเช้่า สายลมอ่อนๆ ชายหาดสวยๆ แต่คงจ๋อย หรือหมดมู๊ดกันพอดี ถ้าเจอชายหาดเหล่านี้ เพราะแต่ละที่ถูกขนานนามว่าเป็น 10 อันดับ ชายหาดยอดแย่ที่สุดในโลก เอาล่ะเราลองมาดูกันดีกว่าว่าชายหาดทีว่านี้มีอะไรบ้าง....

อันดับ 1 ชายหาด “Chowpatty” 
ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย


ชายหาด Chowpatty สมคำล่ำลือจริงๆ ในเรื่องขึ้นชื่อแห่งความสกปรก เต็มไปด้วยขยะ และมลพิษ แถมยังขาดการดูแลเอาใจใส่อีกด้วย ก็เรียกได้ว่ากลายเป็นอันดับ 1 ของชาดหาดยอดแย่! ไม่น่าเที่ยวที่สุดในโลกไปเลย


อันดับ 2 ชายหาด “Goa” ประเทศอินเดีย

 

ชายหาด Goa ท่ามกลางชายหาดแห่งนี้ นอกจากคนที่มานอนอาบแดดแล้ว ยังคงมีสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ก็ชอบอาบแดดเหมือนกัน นั่นก็คือ ฝูงวัวศักดิ์สิทธิ์ ที่คนท้องถิ่นเลี้ยงไว้ และปล่อยให้มันเดินเล่นริมชายหาดตามสบาย เอ๊ะ… มันจะเหมือนกับ ‘ม้า’ ตามชายหาดบ้านเราหรือเปล่านะ


อันดับ 3 ชายหาด “Marunda” 
ในเมืองจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย


พระเจ้า…! แทบไม่น่าเชื่อสายตาหากได้เห็นภาพด้านบน กับการเพลิดเพลินของเด็กๆ ที่กำลังเก็บเศษขยะพลาสติกในน้ำคลำ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้ำทะเลของชายหาด Marunda แต่รู้หรือไม่ว่าถึงแม้น้ำทะเลของชายหาดแห่งนี้จะสกปรกม๊ากมาก… แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย


อันดับ 4 หาด “SEMINYAK” 
บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย


ชายหาด Seminyak จากผลวิจัยของนักนิเวศน์วิทยากล่าวว่า ปัจจุบัน “บาหลี” กำลังประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหามลพิษทางน้ำ ของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และสิ่งปฏิกูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก


อันดับ 5 หาด “Haina” ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน



ชายหาด Haina ถ้าเพื่อนๆ ลงไปดูภาพทางด้านบนนี้แล้ว คงไม่สงสัยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงได้อันดับ 5 แห่งชายหาดยอดแย่! เพราะพื้นที่ในแถบนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่พักพิงให้ทิ้งขยะ และของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่สกปรกที่สุดในโลก 


อันดับ 6 หาด “Port Phillip Bay” 
ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย



ชายหาด Port Phillip Bay ไม่เพียงแค่สกปรกอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยเศษแก้ว และเข็มฉีดยาของบรรดาวัยรุ่นขี้ยาที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ากันลืม และเมื่อปีที่แล้วทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงพิ้นที่บูรณะทำความสะอาดครั้งใหญ่กับชายหาดแห่งนี้ และพบว่าบริเวณริมหาดนั้นมีขยะมากมายเป็นจำนวนมากถึง 1 พันตันทีเดียวเชียว


อันดับ 7 หาด “Repulse”  ที่ฮ่องกง

 

ชายหาด หรืออ่าว Repulse ถูกขนานนามว่าเป็นอ่าวที่สุดแสนโสโครก เต็มไปด้วยมลพิษจากสิ่งก่อสร้างของโครงการต่างๆ นับไม่ถ้วน ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้เกิดการแพร่กระจายของสาหร่าย  “red tide” ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวที่มีพิษ ทำลายระบบนิเวศน์ และมีกลิ่นเหม็น  ทั้งยังทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีอีกด้วย


อันดับ 8 หาด “Doheny”
 ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา



ชายหาด Doheny ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นชายหาดที่มีมลพิษมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน จนต้องนำป้ายมาปักเตือนนักท่องเที่ยวว่าห้ามลงเล่นน้ำ เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เพียงชายหาดแห่งนี้เท่านั้น แต่ที่แคลิฟอร์เนียยังมีชายหาดอีกหลายแห่งที่มีค่ามลพิษเกินมาตรฐานความ ปลอดภัยอีกด้วย


อันดับ 9 หาด “Odaiba” 
ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น



ชายหาด Odaiba เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมลพิษ และสารปนเปื้อนในน้ำเกินมาตรฐานความปลอดภัย เป็นเหตุให้ทางการต้องนำป้ายมาปักเตือนนักท่องเที่ยวว่าห้ามลงเล่น หรือแม้แต่เดินลุยน้ำโดยเด็ดขาด และถ้าจะให้ดีควรสวมหน้ากากอนามัยขณะ มาเดินเล่นริมชายหาดแห่งนี้ด้วย


อันดับ 10 หาด “Blackpool” ประเทศอังกฤษ 



ชายหาด Blackpool ถึงแม้ว่าหาดแห่งนี้จะมีรีสอร์ทริมทะเลชื่อดังอยู่หลายแห่ง แต่ก็ยังคงมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากบริเวณโดยรอบชายหาด Blackpool  เป็นศูนย์รวมบาร์เครื่องดื่มราคาถูก ที่มีอยู่มากถึง 130 แห่ง ทำให้มักมีบรรดาวัยรุ่นขี้เมา มาขว้างปาขวดแก้ว หรือคอยกลั่นแกล้งข่มขู่เด็กๆ และผู้หญิง ทั้งยังมีเหตุทะเลาะวิวาท ชกต่อยบ่อยๆ

ที่มา -- mthai.com

23.11.12

นับถอยหลัง 1 เดือน สิ้นวงรอบ 'ปฏิทินมายา'



เปรียบเทียบกับยุคต่างๆของโลก

1 1.0.0.0.0 3116-2734 BC จุดเริ่มต้น
2 2.0.0.0.0 2734-2339 BC ยุคปิระมิด
3 3.0.0.0.0 2339-1944 BC ยุคล้อ
4 4.0.0.0.0 1944-1550 BC อารยธรรมอียิปต์
5 5.0.0.0.0 1550-1155 BC อารยธรรมบ้านเชียง
6 6.0.0.0.0 1155 – 761 BC สงครามม้า
7 7.0.0.0.0 761-366 BC ยุคปรัชญา
8 8.0.0.0.0 366 BC – ค.ศ. 28 ยุคเมสไซอาห์
9 9.0.0.0.0 ค.ศ. 28-422 อาณาจักรโรมัน
10 10.0.0.0.0 ค.ศ. 422-817 มายา
11 11.0.0.0.0 ค.ศ. 817-1211 สงครามครูเสด
12 12.0.0.0.0 ค.ศ. 1211-1606 ยุคล่าอาณานิคม
13 13.0.0.0.0 ค.ศ. 1606-2012~ ยุคอุตสาหกรรมใหม่

*************************************

ประเทศแถบอเมริกากลางเตรียมโกยเงินจากนักท่องเที่ยว ฉลองวาระสิ้นสุดวัฏจักร 5,200 ปีของปฏิทินอารยธรรมชาวมายาในวันที่ 21 ธันวาคม หลังภาพยนตร์ '2012' โหมกระแสอวสานโลก

เหลือเวลาอีกแค่ 30 วัน ระบบปฏิทินของชาวมายาจะถึงจุดสิ้นสุด รัฐบาลของเม็กซิโก กัวเตมาลา และฮอนดูรัส และภาคเอกชน ต่างจัดเทศกาลใหญ่ มีทั้งขบวนแห่ และพิธีกรรมตามความเชื่อ หวังจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งหลงใหลในปริศนาคำพยากรณ์ถึงวันสิ้นภพ

กระแสโจษขานถึงวันโลกแตก เริ่มจากหนังฮอลลีวูด "2012" ซึ่งฉายภาพโลกที่ถูกโถมกระหน่ำด้วยน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด

แต่ผู้รู้บอกว่า ปฏิทินของชาวมายาเพียงแต่ระบุถึงจุดสิ้นสุดของวัฏจักรอันยาวนาน 5,200 ปี ไม่ใช่วันกาลอวสาน และบรรดาชาวพื้นเมืองพากันบ่นรำคาญ ที่วัฒนธรรมของพวกเขาถูกนำไปใส่สีตีไข่ เพื่อขายทำเงิน

ชนเผ่าดั้งเดิมของกัวเตมาลาจะแยกตัวไปจัดงานของตัวเอง แยกต่างหากจากรัฐบาล ในเมืองต่างๆ 5 แห่ง และสถานที่ธรรมชาติ 6 แห่ง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ กว่าครึ่งของประชากรเกือบ 15 ล้านคนของประเทศนี้สืบเชื้อสายมาจากชาวมายา

ทว่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกาวินาศ กำลังจะทำเงินมหาศาล

กัวเตมาลาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเยือนในปีนี้ราว 2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8% ทางการจะจัดงานตามแหล่งโบราณคดีและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ 13 แห่งในวันที่ 20 ธันวาคม แล้วพอถึงวันที่ 21 ประธานาธิบดีออตโต เปเรซ ก็จะไปร่วมพิธีกรรมที่แหล่งโบราณคดี ติกาล อันเป็นที่ตั้งพีระมิด

ที่คาบสมุทรยูคาตันของเม็กซิโก ซึ่งมีหาดทรายขาวสวยงาม สมาคมโรงแรมเมืองแคนคูนบอกว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ของเดือนธันวาคม ห้องพักได้ถูกจองแล้ว 90%

ที่แหล่งโบราณคดี เอล ทอร์ตูเกโร ในรัฐโทบัสโก อันเป็นจุดที่ค้นพบปฏิทินศิลาหินที่ระบุวันสิ้นสุดวัฏจักรของกาลเวลาในรอบปัจจุบัน จะมีการจัดประชุมสัมมนา และพิธีกรรมต่างๆ

ที่เมืองโบราณ ชิเชนอิตซา ซึ่งมีพีระมิดขั้นบันได 365 ขั้น จะจัดงานที่มีชื่อว่า "จุดสิ้นสุดปฏิทินอันยาวนานของชาวมายา"

ในประเทศฮอนดูรัส จะมีการจัดงานในวันที่ 21 ธันวาคม ที่เมืองโคปัน โดยประธานาธิบดี โปรฟิริโอ โลโบ จะเป็นประธาน

เอลซัลวาดอร์จะจัดงานแสงสีเสียงในชื่อ "ราตรีสื่อสารถึงดวงดาว" ที่แหล่งโบราณคดี 2 แห่งทางตะวันตกของประเทศ

วันที่ 21 ธันวาคม เป็นวันสิ้นสุดของการนับเวลาของชาวมายา ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 3114 ก่อนคริสต์ศักราช ถือเป็นการครบระยะเวลา 5,200 ปี ซึ่งนับได้เท่ากับ 13 บักตุน หน่วยนับเวลาที่เรียกว่า บักตุน นี้ กินเวลาเท่ากับ 144,000 วัน หรือราว 400 ปี

วัฒนธรรมชาวมายาได้รุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงปีค.ศ.250-900 ก่อนที่จะเริ่มเสื่อมลง และล่มสลายไปเมื่อพวกผู้พิชิตชาวสเปนได้เข้าครอบครองดินแดนโลกใหม่ในศตวรรษที่ 16

credit -- news.voicetv.co.th

22.11.12

วิธีฟิตหุ่นให้สวย .. แบบไม่พึ่งเครื่องออกกำลังกาย





      วันหยุดนี้จะมัวแต่นั่งๆนอนๆเฉยๆ อยู่บ้านกันทำไมคะ ลองมาหากิจกรรมฟิตหุ่นให้สวยเช้งด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องออกกำลังกายดีกว่า

* 10 นาที ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยออกกำลังกายเบา ๆ หลังตื่นนอน เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานมากกว่าเดิม และความเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าสำหรับวันหยุดสุดสบายนี้

* 15 นาที ใช้เวลาขณะดูนั่งทีวีหรือคุยโทรศัพท์ออกกำลังกายเบา ๆ โดยการเกร็งหน้าท้องเข้าออกและบิดเอวไปมา หรือยืนตัวตรงปล่อยไหล่สบาย ๆ แขม่วท้องแล้วผ่อนหายใจออกอย่างต่อเนื่อง ช่วยกระชับกล้ามเนื้อท้องให้เฟิร์มขึ้น

*  20 นาที เดินเร็ว ๆ ก่อนมื้ออาหารกลางวันและเย็น ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานดียิ่งขึ้น

*  30 นาที หาดีวีดีออกกำลังกายที่คุณชอบมาลองทำตามที่บ้าน โดยสลับสับเปลี่ยนดีวีดีออกกำลังกายที่สนใจไปเรื่อย ๆ เช่น อาทิตย์นี้ออกกำลังกายแบบแอโรบิก อาทิตย์ถัดไปออกกำลังกายแบบโยคะ ฯลฯ การออกกำลังกายเป็นประจำทุกสัปดาห์จะช่วยให้คุณร่างกายแข็งแรงและหุ่นเฟิร์ม เร็วขึ้น

*  35-40 นาที มีงานวิจัยรายงานว่า ระบบเผาผลาญในร่างกายจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากตื่นนอน 8 ชั่วโมงแล้ว คุณจึงควรไปวิ่งออกไปกำลังกายในช่วงเวลา 17.00-19.00 น. ประมาณ 35-40 นาที ให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานตามปกติ แถมช่วยสลายไขมันขณะนอนหลับได้ดี

*  60 นาที ออกไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะหรือเดินชอปปิ้งไม่เพียงเป็นการพักผ่อนหย่อนใจใน ช่วงวันหยุดแต่ยังช่วยเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่คุณกินเข้าไปมากมายการเดิน เล่นแค่ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญได้ถึง 240 แคลอรี

*  90 นาที งานบ้านทุกอย่างสามารถช่วยคุณเผาผลาญแคลอรีได้อย่างเช่น ขัดห้องน้ำ 1 ครั้ง เผาผลาญพลังงานได้ 55 แคลอรี ล้างรถ 1 ครั้ง เผาผลาญพลังงานได้ 350 แคลอรี รีดผ้า 1 ครั้ง เผาผลาญพลังงานได้ 300 แคลอรี

*  2 ชั่วโมง การดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้ว ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งจะทำให้คุณหิวมากขึ้นและกินหนักกว่าเดิม

*  8 ชั่วโมง คนที่นอนหลับสนิทครบ 8 ชั่วโมง และเข้านอนไม่เกินเที่ยงคืน ระบบเผาผลาญจะทำงานได้ดีมากกว่าคนอดนอนถึง 40% รู้อย่างนี้แล้วอย่ามัวไปเป็นตระเวนท่องราตรีจนใบหน้ามัวหมอง รีบกลับบ้านเข้านอน พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อผิวสวยสุขภาพดีกันดีกว่า

ที่มา--lisa

19.11.12

ความลับน่ารู้ของการเผาผลาญพลังงาน




       วันนี้เอาวิธีการเผาผลาญพลังงานอย่างง่ายๆมาฝากเพื่อนๆกันค่ะก็คือ การดื่มน้ำนั่นเอง เอาหล่ะเรามาดูกันว่า มีวิธีไหนเด็ด ๆ บ้าง

1. ร่างกายของคุณจะเผาผลาญแคลอรีมากกว่า เวลาย่อยอาหารและเครื่องดื่มเย็นจัด

จริง แต่ก่อนที่คุณจะรีบไปกินไอศกรีม ฟังนี่ก่อน มีผู้เชี่ยวชาญเคยบอกไว้ว่า ความแตกต่างที่เกิดขึ้นอาจเล็กน้อยมากจนเห็นไม่ได้ชัดเจน โดยงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การดื่มน้ำเย็นจัด ๆ 5-6 แก้วต่อวัน อาจช่วยคุณเผาผลาญได้มากขึ้นราว 10 แคลอรีต่อวัน แต่ถึงแม้มันจะเล็กน้อยมาก ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะดื่มของเหลวไม่มีแคลอรีอย่างน้ำเปล่า ชา หรือกาแฟ (ไม่ใส่ครีมและน้ำตาล) กับน้ำแข็ง เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

2. การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่า

ปฏิกิริยาทางเคมีของร่างกายคุณทั้งหมด รวมทั้งการเผาลาญพลังงานต้องอาศัยน้ำ ถ้าคุณขาดน้ำ คุณอาจเผาผลาญแคลอรีได้น้อยลงราว 2% นี่เป็นผลจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยยูท่าห์ ซึ่งติดตามดูระดับการเผาผลาญพลังงานของผู้ใหญ่ 10 คนในขณะที่ดื่มน้ำในปริมาณที่ต่างกันในแต่ละวัน โดยคนที่ดื่มน้ำแก้วละ 8 ออนซ์ 8-12 แก้วต่อวันมีระดับการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าคนที่ดื่มแค่สี่แก้ว

3. อาหารเผ็ดร้อนจะทำให้ระบบเผาผลาญของคุณเพิ่มขึ้น

เพราะแคปไซซิน สารประกอบที่ทำให้พริกมีความเผ็ดร้อนช่วยขับเหงื่อ ที่อาจทำให้การเผาลาญพลังงานของคุณเพิ่มขึ้น พร้อมทำให้รู้สึกอิ่มและลดความหิว การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินพริกราว 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งเท่ากับแคปไซชิน 30 ม. ทำให้การเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นชั่วคราวถึง 23%  ในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ให้คนกินพริก 0.9 กรัมผสมในน้ำมะเขือเทศ หรือในรูปแคปซูล ก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ นักวิจัยพบว่า แต่ละคนลดปริมาณการรับแคลอรีลงไปได้ราว 10 หรือ 16% เป็นเวลาสองวันหลังจากนั้น

4. การกินโปรตีนช่วยให้การเผาผลาญของคุณเพิ่มขึ้น

จริง โปรตีนให้ประโยชน์ทางด้านการเผาผลาญ เมื่อเทียบกับไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต เพราะร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากกว่าในการย่อยมัน การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า คุณอาจเผาผลาญแคลอรีได้มากถึงสองเท่า ในขณะย่อยโปรตีนมากกว่าการย่อยคาร์โบไฮเดรต ตามปกติอาหารของเราจะมีโปรตีนราว 14% ลองเพิ่มปริมาณขึ้นเท่าตัว (โดยลดคาร์โบไฮเดรตลงเพื่อชดเชย) คุณจะเผาผลาญได้เพิ่มขึ้น 150-200 แคลอรีต่อวัน

ที่มา--lisa

17.11.12

ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังกาย





            ขอแสดงความยินดีต่อบรรดาคนรักเสียงเพลงทั้งหลายด้วย เพราะนอกจากคุณจะเป็นคนที่มีดนตรีในหัวใจแล้ว คุณยังอาจจะเป็นคนที่มีสุขภาพดีที่สุดอีกคนหนึ่งด้วย

เพราะมีผลศึกษาใหม่พบว่า การฟังเพลงโปรดช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย

ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจาก การฟังเพลงที่คนฟังรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ทำให้หัวใจเบิกบาน ส่งผลให้หลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดจึงไหลเวียนดีขึ้น แต่ผลลัพธ์จะกลับกันหากเป็นเพลงที่คนฟังไม่ชอบ

จากผลวิจัยดังกล่าวนี้ นักวิจัยได้ให้ความรู้เสริมว่า ผลลัพธ์แง่บวกจากที่ฟังเพลงที่ชื่นชอบนั้นทำให้หลอดเลือดขยายตัวมีความชัดเจนมากพอๆ กับการออกกำลังกายหรือการใช้ยาลดคลอเรสเตอรอลเลยทีเดียว

เรารู้กันอยู่แล้วว่า ความเครียดมีผลทำให้หลอดเลือดหดตัว แต่เราอยากรู้ว่าเมื่อเล่นเพลงโปรด จะทำให้หลอดเลือดขยายได้หรือไม่ จากกลุ่มตัวอย่างที่ทำการทดลองเราคิดว่าจะได้เห็นเลือดไหลเวียนดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะมากเท่านี้" ดร.ไมค์ มิลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ สหรัฐฯ ผู้ทำการวิจัยนี้กล่าว

ทั้งนี้ผลการศึกษาดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า เพลงที่ฟังแล้วมีความสุขช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของโลหิต ส่งผลต่อเนื่องให้คลอเรสเตอรอลลดลง ลดอาการอักเสบ และลดความเสี่ยงเส้นเลือดอุดตันนอกจากนี้ยังทำให้สมองหลั่งไนตริกออกไซด์ หรือฮอร์โมนเอนดอร์ฟินที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกดี ออกมามากขึ้นเมื่อกลุ่มตัวอย่างได้ฟังเพลงโปรด

ไม่น่าเชื่อเลยว่าการฟังเพลง นอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้วยังมีผลดีต่อการไหลเวียนของเลือดในร่างกายเราด้วย แบบคงต้องฟังเพลงโปรดบ่อยๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

credit -- สสส

15.11.12

สุดยอด สมุนไพร ช่วยย่อยอาหาร




วันนี้ำไปเปิดเจอประโยชน์เกี่ยวกับผักสวนครัวที่เราๆกินกันอยู่ว่าประโยชน์อย่างมากมาย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทยผู้เฒ่าผู้แก่ ว่าผักสวนครัวที่เรากินกันนั้น หรือ สมุนไพรในครัวเรือนนั้นมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ และนอกจากที่รสชาติอร่อยถูกปากแล้วแถมบ่อยครั้งที่ช่วยเยียวยาอาการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพายาเเพทย์สมัยใหม่เลยด้วยซ้ำไปอย่างเช่น

กระเทียม กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้าน เมื่อรับประทานเข้าไป สารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหาร และยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจ ากอาหารไม่ย่อยอยู่ บ่อยๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหาร อาการจะค่อยๆ หายไป

หอมเล็ก มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญหาอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด โดยเฉพาะยำต่างๆ

พริกสด พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อย ก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามาก ซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อน ช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนู แต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

ข่า ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดี จึงช่วยย่อยอาหารเช่นกัน วิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่นๆก็ คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็กๆ

ตะไคร้ ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สดๆก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ ก็อร่อยไม่เบา

ใบแมงลัก ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะ หอมโล่งจมูก และน้ำมันหอมระเหยหอมๆนี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหาร คุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที

ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป

ผักสมุนไพร ทั้ง 7 ชนิดที่ยกมานี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดี ปลูกไว้ในบ้านก็ได้ เพราะปลูกง่ายทุกชนิด และไม่เปลืองเนี้อที่อะไรมากมาย

ที่มา--sanook.com

13.11.12

กินผัก และผลไม้ถูกวิธี




       วันนี้เอาเรื่องประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ มีใครบ้างเอ่ยที่ชอบกินผักและผลไม้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีัต่อสุขภาพเราอย่างมาก แต่เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่า ถ้าหากกินไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้ได้รับประโยชน์หรือสารอาหารต่างๆน้อยกว่าที่ควร วันนี้เลยมีเรื่องนี้มาบอกกล่าวกัน…

         แก้วมังกร : ผลไม้ชนิดนี้กินได้เพลินๆ แต่ถ้ากลืนโดยไม่ได้เคี้ยวเมล็ดเล็กๆ สีดำให้แตกซะก่อน อาจพลาดสิ่งดีๆ ไป เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ รวมทั้งวิตามินอี การเคี้ยวให้แตกจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้


         ส้ม : ส้มเป็นผลไม้ที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยจะมีมากในเยื่อบุผิวและเนื้อเยื่อส่วนใน ดังนั้น เวลากินส้มจึงไม่ควรลอกเยื่อบุผิวขาวๆ ออก และควรกินเนื้อส้มเข้าไปด้วย ช่วยเพิ่มกาก ใย อาหารอีกต่างหาก

         ฝรั่ง : เวลากินฝรั่งหลายคนจะทิ้งเมล็ดแล้วกินแต่เนื้อเพราะมีความเชื่อว่าการกินเมล็ดฝรั่งจะทำให้เป็นโรคไส้ติ่ง ทั้งๆ ที่เมล็ดฝรั่งมีความหวานหอมและเป็นกากใยอาหารที่ดีเยี่ยม จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเมล็ดอะไรหรืออาหารอะไร หากสามารถเข้าไปในไส้ติ่งได้ก็ทำให้เป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้อง เป็น เมล็ดฝรั่งอย่างเดียว
 
         แครอท : ผักสีส้มที่กินแล้วผิวสวยเพราะได้ชื่อว่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูง แต่จะได้ประโยชน์มากขึ้นหากปรุงด้วยความร้อนก่อนนำมากิน ความร้อนจะช่วยทำให้ผนังเซลล์ของแครอทอ่อนตัวลงร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายและดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดีขึ้น

ที่มา--เดลินิวส์ออนไลน์