ผู้หญิงทุกคนล้วนต้องการที่จะทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา จึงต้องทั้งแต่งหน้า ทาผิว แต่งผม และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าเธอดูดีอยู่เสมอ แต่ทว่าส่วนใหญ่แล้ววิธีการเหล่านี้ก็มักทำให้ต้องสูญเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับมันมาอยู่เสมอ นับไปนับมาก็เป็นเงินก้อนโตไม่เบาเลยทีเดียว หากสามารถประหยัดเงินเหล่านี้ได้ แต่ก็ยังคงความดูดีเอาไว้ได้ด้วยก็คงจะแจ๋วไม่เบาจริงไหมคะ วันนี้ก็เลยนำเอาเคล็ดไม่ลับกับ 9 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปพร้อม ๆ กับคงความสวยงามของคุณเอาไว้ได้อย่างที่ต้องการมาฝาก ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
1. ทำสีโคนผมด้วยตัวเอง
หากผมของคุณทำสีเอาไว้ เมื่อผมเริ่มยาว สีผมที่โคนผมก็กลายเป็นเข้มกว่าสีที่ย้อมไว้เสียแล้ว เมื่อถึงเวลาเช่นนี้ก็ต้องจัดการย้อมสีผมที่โคนผมสักที อยากสบายหน่อยก็ไปที่ร้านทำผม แต่ถ้าอยากประหยัดเงินด้วย ก็เพียงซื้อน้ำยาทำสีมาหนึ่งกล่อง ซึ่งมีมาให้พร้อมทั้งถุงมือและหวี สวมผ้ากันเปื้อนทับ แล้วนั่งหน้ากระจก ลงมือทำด้วยตัวเองได้เลยค่ะ
2. เลือกไว้ผมทรงที่ดูแลรักษาง่าย
หากคุณไว้ผมสั้น นั้นหมายถึงคุณจำเป็นต้องเข้าร้านทำผมเพื่อตัดเล็มให้มันเป็นทรงอยู่เสมอ ถ้าอยากประหยัดเงินในส่วนนี้ ก็ให้ตั้งใจไว้ผมยาว หรือยาวกลางๆ ประมาณระดับบ่า เพราะเมื่อผมคุณยาวมาถึงระดับนี้แล้ว จะปล่อยให้มันยาวต่อไปอีกสักเดือนสองเดือน ก็ยังคงเป็นทรงเดิมอยู่ดี ไม่ต้องไปแต่งไปเล็มบ่อย ๆ ด้วยค่ะ
3. เล็มผม รักษาให้อยู่ทรง
คุณอาจพบว่าช่างทำผมบางร้านจะเสนอให้ลูกค้ามาที่ร้านทุก ๆ 2 เดือน เพื่อเล็มผมให้เข้าทรงอยู่เสมอ นั่นก็เพื่อเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณลูกค้าประ
หยัดเงินได้ ดีกว่าการปล่อยยาวจนผมชี้ไม่เป็นทรง ไม่เห็นแนวผมเดิม แถมปลายผมเสีย แล้วจึงมาที่ร้านเพื่อตัดผมให้เป็นทรงซะใหม่ ยิ่งเปลี่ยนสไตล์ผมด้วย ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งแพงขึ้นอีก แต่การเข้าร้านเพื่อเล็มผมรักษาทรงนั้นจ่ายน้อยกว่า แถมยังสวยกว่าด้วย ไม่ต้องทนกับผมที่ยาวรกไม่เป็นทรงค่ะ
4. โรงเรียนเสริมสวย ทางเลือกที่ถูกกว่าในการตัดผม
แทนที่จะเดินเข้าร้านทำผมหรูๆ แพงๆ ลองมาประหยัดเงินด้วยการไปตัดผมตามโรงเรียนสอนตัดผมดูนะคะ แม้ว่าช่างจะดูไม่โปรเฟสชั่นนอลอย่างที่ร้าน แต่รับรองว่าราคาสบายใจกว่า แม้คุณภาพจะต่างกันอยู่บ้าง แต่มาตัดผมที่ร้านอย่างนี้ก็ถือว่าได้เป็นคุณครูให้กับนักเรียนตัดผมที่ต้องการแสดงฝีมือด้วย แถมดีไม่ดียังได้เจอบริการทำเล็บในราคาย่อมเยาว์อีกต่างหาก
5. ซื้อของในแพ็คเกจไซส์ผู้ประกอบการ
ในห้างสรรพสินค้าสำหรับผู้ประกอบการ จะมีสินค้าสำหรับดูแลความงาม อย่างพวกแชมพู ยาสระผม ขายในไซส์ใหญ่กว่าที่วางขายตามร้านค้าปลีกทั่วไป หากซื้อแบบนี้มาใช้ แม้แพ็คเกตจะไม่ค่อยสวยงามนัก แต่คุณจะได้ของในราคาเฉลี่ยที่ถูกกว่าการซื้อเป็นชิ้นย่อย ๆ แบบที่ร้านขายปลีกแน่นอนค่ะ
6. งดซื้อของแบรนด์ดัง
สินค้าเครื่องสำอางแบรนด์ดังมักมีราคาขายที่สูงจนน่าตกใจ นั่นเพราะเขาได้บวกมูลค่าของแบรนด์ รวมทั้งค่าโฆษนา และอื่น ๆ อีกมากมายลงไปแล้วเรียบร้อย ลองหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อธรรมดา ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องดัง (แต่จำเป็นต้องมีคุณภาพเชื่อถือได้นะคะ) ซึ่งราคาถูกกว่าอยู่หลายสิบบาท ก็จะช่วยให้คุณเซฟเงินได้เยอะเลยทีเดียว
7. ซื้อของตอนลดราคา
แหม ข้อนี้ต่อให้ไม่ได้คิดตั้งใจจะประหยัดจริง ๆ แต่สาว ๆ ทุกคนก็ไม่พลาดที่จะกระโจนเข้าใส่ยามเห็นสินค้าลดราคาแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ขอให้ซื้ออย่างมีสติ ไม่ใช่ซื้อเพราะเห็นว่าเป็นสินค้าลดราคาแต่ว่าปกติก็ไม่ได้ใช้ แต่หากเป็นสินค้าที่คุณใช้ประจำอยู่แล้ว ดูวันหมดอายุเสียให้แน่ใจว่าไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ และคุณใช้หมดทันแน่นอน ก็ซื้อมาตุนได้เลย
8. งดเข้าร้านทำเล็บเท้า เปลี่ยนเป็นการดูแลเอาใจใส่สม่ำเสมอ
สาว ๆ หลายคนเลือกเข้าร้านเสริมสวยให้เขาจัดการทำเล็บเท้าให้ เพราะว่าในยามปกติไม่ค่อยจะดูแลเอาใจใส่สักเท่าไหร่ จนมันมีสภาพย่ำแย่เกินทนจนไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ก็เลยต้องหันไปพึ่งช่างเสริมสวยแทน ลองเปลี่ยนพฤติกรรมนี้มาเป็นดูแลรักษาเท้าและเล็บเท้าตัวเองเป็นประจำ ระหว่างอาบน้ำก็ขัดเท้าและเล็บด้วย อาบน้ำเสร็จก็ทาโลชั่นบำรุงให้ชุ่มชื้น ตัดเล็บตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ เล็บก็จะนิ่มตัดง่าย หากทำอย่างนี้ได้รับรองว่าคุณจะไม่ต้องเข้าร้านเสริมสวยให้ช่างทำเล็บเท้าให้อีกเลยล่ะค่ะ
9. เลือกใช้น้ำหอมที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์
น้ำหอมที่ผสมแอลกอฮอล์แห้งเร็วก็จริง แต่กลิ่นก็จางเร็วด้วยเช่นกัน นั่นทำให้คุณต้องฉีดพรมมันมาก
กว่าน้ำหอมที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ มันจึงหมดเร็ว และคุณก็ต้องเสียเงินซื้อขวดใหม่มาใช้อีกนั่นเอง จากนี้ไปลองค้นหาน้ำหอมสูตรไร้แอกอฮอล์ (alcohol-free) กลิ่นที่คุณถูกใจมาใช้แทนดู รับรองว่าฉีดนิดเดียวก็หอม แถมใช้ได้นานกว่า คุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอนค่ะ
credit -- kapook.com
