16.7.13

กาแฟกับสุขภาพ



     
      เพื่อนๆเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบกลิ่นหอมกรุ่นและรสชาติขมอร่อยของกาแฟหรือไม่  กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายมากรองจากชา เป็นเครื่องดื่มที่พบได้ทั่วทุกหนทุกแห่งทั้งในที่ทำงาน สถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่ในระหว่างการเดินทางที่ต่างๆของโลก 

       ในเมืองไทยเราก็มีร้านกาแฟในกรุงเทพและต่างจังหวัดจำนวนไม่น้อยมีตั้งแต่กาแฟไทยโบราณไปจนถึงกาแฟนำเข้าจากต่างประเทศนอกจากสารคาเฟอีนแล้วในกาแฟยังมีสารอื่นๆที่มีผลต่อร่างกายอีกมากมาย และเพื่อนๆที่รักการดื่มกาแฟจะอยากรู้กันไหมว่ากาแฟส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพของเราบ้าง 

กาแฟกับหัวใจ

        จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมิถุนายนปี2005 รายงานว่า หลอดเลือดของผู้ที่ดื่มกาแฟมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและในงานวิจัยฉบับนี้ยังได้แนะนำให้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือมีความเสี่ยงอื่นต่อการเกิดโรคหัวใจ(ไขมันในเลือดสูง อ้วน เบาหวาน สูบบุหรี่ และไม่ออกกำลังกาย) ที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 3 แก้ว ให้ลดปริมาณการดื่มลง

      ในขณะที่งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคมปี2006 รายงานว่า การดื่มกาแฟไม่ทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น แม้จะดื่มมากกว่าวันละ 6 แก้วก็ตาม(โห คนขายกาแฟรวยเละ)

        ส่วนงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนสิงหาคมปี2006 รายงานว่า กาแฟอาจก่อให้เกิดอาการหัวใจพิบัติ (Heart attack) ได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังการดื่ม โดยพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 – 3 แก้ว มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจพิบัติถึงร้อยละ 60

      ส่วนผู้ที่ดื่มกาแฟน้อยกว่าวันละ 2 - 3 แก้วหรือดื่มเป็นครั้งคราว จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจพิบัติหลังการดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า ที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องจากผู้ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเป็นประจำ ร่างกายอาจไม่ชินกับสภาวะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราวจากการได้รับสารคาเฟอีน จึงทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจพิบัติสูงกว่า

      สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจตั้งแต่ 3 ข้อขึ้นไป การดื่มกาแฟอาจเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดอาการหัวใจพิบัติได้มากขึ้นกว่า 2 เท่า 

    ในขณะที่การศึกษาในหญิงวัยหมดประจำเดือนพบว่า อัตราการตายจากโรคหัวใจของผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ1-3 แก้ว น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟถึงร้อยละ24 แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟและสุขภาพหัวใจยังมีความขัดแย้งกันอยู่ แต่สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาก็แนะนำเสริมว่า การดื่มกาแฟพอประมาณหรือวันละ1-2 แก้วไม่น่าจะทำให้เกิดอันตราย

กาแฟกับเบาหวาน

     การวิเคราะห์ข้อมูลจาก 8 งานวิจัยในปี 2005 ได้ข้อสรุปว่า ผู้ใหญ่ที่ดื่มกาแฟวันละ 6-7 แก้ว มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานลดลง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มวันละ2 แก้ว และจากการศึกษาล่าสุดเมื่อปีที่แล้วพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ2-3 แก้ว มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานลดลงร้อยละ13 ในขณะที่ผู้ที่ดื่มตั้งแต่วันละ 4 แก้วขึ้นไป มีความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานลดลงมากกว่าร้อยละ40 ซึ่งการค้นพบนี้เป็นที่ประหลาดใจของทีมนักวิจัย

   เนื่องจากในการศึกษาเฉพาะสารสกัดคาเฟอีนพบว่า มีผลในการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและลดการเผาผลาญน้ำตาล คาเฟอีนจึงน่าจะทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานเพิ่มขึ้นมากกว่า ดังนั้นผลในการป้องกันเบาหวานน่าจะมาจากสารอื่นที่อยู่ในกาแฟ แต่อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการดื่มกาแฟเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน หากแต่แนะนำให้ป้องกันโรคนี้ด้วยการบริโภคธัญพืชที่ไม่ขัดสี เพิ่มการออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

กาแฟกับมะเร็ง

  มีการศึกษาเกี่ยวกับการดื่มกาแฟกับโรคมะเร็งชนิดต่างๆพบว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อนได้และการดื่มกาแฟปริมาณมากในขณะตั้งครรภ์ จะทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว(ลูคีเมีย) และการดื่มกาแฟเป็นประจำจะยังทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60-70

กาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้

      กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และนอกจากนี้กาแฟยังมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นๆอีก เช่นช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กิ๊บสัน ช่วยระงับอาการซึมเศร้าและช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง

    โดยมีการพบว่าคาเฟอีนเพียงแค่32 มิลลิกรัม จะช่วยกระตุ้นให้มีสมาธิและมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 3-4 แก้วเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน

     กาแฟมีมากมายหลายพันธุ และมีวิธีการผลิต และวิธีการชงที่หลากหลาย จึงทำให้กาแฟมีกลิ่นและรสที่แตกต่างกัน ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟแต่ละพันธุ์ก็ไม่เท่ากัน โดยกาแฟพันธุ์อาราบิก้าซึ่งปลูกมากในบราซิล มีคาเฟอีนประมาณร้อยละ0.8-1.5  ส่วนพันธุ์โรบัสต้าจากแอฟริกา มีสารคาเฟอีนประมาณร้อยละ1.6-2.5 

   นอกจากนี้วิธีการชงกาแฟที่ต่างกันก็มีผลต่อปริมาณสารประกอบต่างๆที่ได้รับจากกาแฟ การชงกาแฟโดยไม่ผ่านการกรองจะทำให้ได้รับสารคาเฟสทอล(cafestol) และคาเวออล(kahweol) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น และทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

    จากข้อมูลต่างๆเราจะเห็นได้ว่า กาแฟนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษคละกันไป ซึ่งไม่ต่างจากทุกสิ่งในโลกนี้ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟควรดื่มอย่างพอเพียง คือไม่น้อยเกินไปเพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางสุขภาพจากการดื่มกาแฟ และไม่มากเกินไปเพื่อป้องกันโทษที่เกิดจากกาแฟ 

    เมื่อเราได้รู้ถึงประโยชน์และโทษของมันแล้ว เราก็สามารถที่จะระวังกันได้ ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆมีความสุขและสุขภาพดีจากการจิบกาแฟที่หอมกรุ่นและรสชาติกลมกล่อมกันน๊าาาา.....

ที่มา -- จากหนังสือสาระประโยชน์ของกาเเฟ